ปฏิวัติการขายออนไลน์! เริ่มต้น ขายของใน TikTok ด้วยโมเดล ไม่ต้องสต็อก
กระแส “Social Commerce” บน TikTok ได้พัฒนาไปไกลกว่าการขายแบบเดิม ๆ ในปี 2025 นี้ โอกาสทองไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้ที่มีทุนสต็อกสินค้ามากมาย แต่เปิดกว้างสำหรับทุกคนที่ต้องการ ขายของใน TikTok ด้วยโมเดลธุรกิจที่ยืดหยุ่นและรวดเร็วอย่าง Dropshipping
Table of Contents
Toggleหากคุณกำลังมองหาวิธี เริ่มต้นขายง่าย เปิดร้านได้ทันที และลดความเสี่ยงด้านการลงทุนก้อนใหญ่ในการสต็อกสินค้า เราจะพาคุณเจาะลึก 6 ขั้นตอนสำคัญ ในการเริ่มต้นทำเงินบนแพลตฟอร์มนี้ ตั้งแต่การเปิดบัญชี ไปจนถึงการหาพันธมิตรซัพพลายเออร์ที่ตอบโจทย์โมเดล ไม่ต้องสต็อก
1. Dropshipping บน TikTok คืออะไร? โมเดลที่ทำให้ เริ่มต้นขายง่าย
Dropshipping คือการ ขายของใน TikTok โดยที่ผู้ขาย (คุณ) ไม่ต้องเก็บรักษาสินค้าคงคลัง เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามา คุณเพียงแค่ส่งคำสั่งซื้อนั้นไปยังซัพพลายเออร์ (ผู้ผลิต/ผู้ค้าส่ง) ซึ่งจะเป็นผู้ดำเนินการบรรจุและจัดส่งสินค้าไปยังลูกค้าโดยตรงในนามของร้านค้าของคุณ
ข้อดีของการ ไม่ต้องสต็อก และ เปิดได้ทันที
- ลดต้นทุนและความเสี่ยง: ไม่ต้องลงทุนซื้อสินค้ามาก่อน และไม่ต้องเช่าโกดังเก็บของ
- ความยืดหยุ่นสูง: สามารถเปลี่ยนสินค้าที่ขายตามเทรนด์ได้อย่างรวดเร็ว
- เริ่มง่าย: เพียงแค่มีบัญชี TikTok และเชื่อมต่อกับซัพพลายเออร์ที่พร้อม Drop Ship
2. 6 ขั้นตอน เริ่มต้น ขายของใน TikTok แบบ Dropshipping
การเริ่มต้นร้านค้า TikTok Shop ที่เน้นการ ไม่ต้องสต็อก มีขั้นตอนการตั้งค่าที่แตกต่างจากการขายสินค้าของตัวเองเล็กน้อย ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1: เตรียมบัญชีและลงทะเบียน Seller Center
- สมัครบัญชี: ใช้บัญชี TikTok ส่วนตัว (ต้องมีผู้ติดตามตามเกณฑ์ หรือมีวิดีโอตามจำนวน) หรือบัญชีธุรกิจเพื่อลงทะเบียน
- ยืนยันตัวตน: เข้าสู่ TikTok Shop Seller Center และดำเนินการยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน/หนังสือรับรองบริษัท และบัญชีธนาคาร
ขั้นตอนที่ 2: ค้นหาซัพพลายเออร์ที่รองรับโมเดล ไม่ต้องสต็อก
นี่คือหัวใจสำคัญของ Dropshipping คุณต้องหาซัพพลายเออร์ที่ทำ Drop Ship โดยเฉพาะ
- เกณฑ์การเลือกซัพพลายเออร์:
- คุณภาพสินค้า: ตรวจสอบสินค้าตัวอย่างและรีวิว
- ระบบหลังบ้าน: ต้องมีระบบเชื่อมต่อการส่งออเดอร์และแจ้งสถานะสินค้าแบบ Real-Time
- การบรรจุภัณฑ์: ซัพพลายเออร์ต้องส่งในนามร้านของคุณโดยไม่มีโลโก้ของเขาเอง
- การจัดส่ง: ต้องมีการจัดส่งที่รวดเร็ว (ไม่เกิน 24-48 ชม.) เพื่อรักษาคะแนนร้านค้าบน TikTok
ขั้นตอนที่ 3: เชื่อมต่อสินค้าเข้าสู่ TikTok Shop
เมื่อได้ซัพพลายเออร์แล้ว ให้นำรายการสินค้า ภาพ และรายละเอียดที่ซัพพลายเออร์ให้มา อัปโหลดเข้าสู่หน้า Seller Center ของคุณ ตั้งราคาขายโดยคำนวณจากต้นทุนซัพพลายเออร์บวกกับค่าธรรมเนียมและกำไรที่ต้องการ
ขั้นตอนที่ 4: กลยุทธ์ Affiliate Marketing เน้นขายผ่าน Creator
โมเดล Dropshipping เหมาะสมอย่างยิ่งกับการใช้ระบบนายหน้า (Affiliate)
- ตั้งค่าคอมมิชชัน: กำหนดค่าคอมมิชชันที่ดึงดูดใจ (15-30%) ให้กับ Creator
- เชิญชวน Creator: ใช้ TikTok Shop Affiliate Platform เพื่อเชิญ Creator ที่มีผู้ติดตามตรงกลุ่มเป้าหมายมาช่วยโปรโมทสินค้าของคุณ
- วิดีโอถูกสร้าง ยอดขายมา: Creator จะทำวิดีโอและไลฟ์สดนำเสนอสินค้า เมื่อมีคนซื้อผ่านตะกร้าของพวกเขา คุณจะได้รับออเดอร์โดยที่คุณ ไม่ต้องสต็อก
ขั้นตอนที่ 5: จัดการออเดอร์และการเงินแบบอัตโนมัติ
- เมื่อมีออเดอร์เข้ามาใน Seller Center ให้ส่งข้อมูลออเดอร์ไปให้ซัพพลายเออร์ทันที
- ติดตามสถานะการจัดส่งจากซัพพลายเออร์ และอัปเดตสถานะใน Seller Center เพื่อให้ลูกค้าทราบ
ขั้นตอนที่ 6: Content Marketing สร้างความน่าเชื่อถือให้ร้านค้า
แม้จะ ไม่ต้องสต็อก แต่คุณก็ต้องสร้างคอนเทนต์เพื่อสร้างแบรนด์
- ทำวิดีโอแกะกล่องสินค้า (ที่สั่งมาทดสอบเอง)
- ทำวิดีโอรีวิวการใช้งาน หรือแก้ปัญหาให้ลูกค้า
- Live สดตอบคำถามลูกค้าเกี่ยวกับสินค้า
3. ขายของใน TikTok เสียค่าอะไรบ้าง ในปี 2025
ในโมเดล Dropshipping ค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ของคุณจะถูกแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก
3.1. ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม (Transaction Fee)
ค่าธรรมเนียมที่ TikTok หักจากยอดขายของคุณ (ราคาสินค้า ไม่รวมค่าจัดส่ง)
- อัตราปัจจุบัน (โดยประมาณ): อัตราทั่วไปอยู่ที่ 4% – 5% (ไม่รวม VAT) ซึ่งเป็นอัตราพื้นฐานสำหรับร้านค้าส่วนใหญ่ใน พ.ศ. 2568/2025
- การคำนวณ: ยอดขายรวม (ไม่รวมค่าจัดส่ง) จะถูกหักค่าธรรมเนียมประมาณ 4-5% บวกภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ของค่าธรรมเนียมที่ถูกหัก
3.2. ค่าคอมมิชชันพันธมิตร (Affiliate Commission)
นี่คือค่าใช้จ่ายที่สำคัญที่สุดในโมเดล Dropshipping
- อัตรา: 10% ถึง 30% ของราคาสินค้า (ขึ้นอยู่กับคุณกำหนด)
- ยิ่งคอมมิชชันสูง ยิ่งดึงดูด Creator เก่ง ๆ มาช่วยขาย
3.3. ต้นทุนสินค้าและค่าดำเนินการ (Cost of Goods Sold – COGS)
นี่คือเงินที่คุณต้องจ่ายให้ซัพพลายเออร์สำหรับสินค้าและบริการจัดส่ง
- ต้นทุนสินค้าต่อชิ้น (จากซัพพลายเออร์)
- ค่าดำเนินการ Drop Ship: ค่าบรรจุหีบห่อ และค่าส่งสินค้า (มักรวมอยู่ในราคาขายส่งที่ซัพพลายเออร์แจ้ง)
ตัวอย่างการคำนวณกำไร (ต่อชิ้น)
- ราคาขายของใน TikTok: 400 บาท
- หัก ต้นทุนสินค้า (ซัพพลายเออร์): 200 บาท
- หัก ค่าธรรมเนียม TikTok (สมมติ 4%): 16 บาท
- หัก ค่าคอมมิชชัน Affiliate (สมมติ 20%): 80 บาท
- กำไรสุทธิของคุณ: $400 – 200 – 16 – 80 = 104 บาท
4. เทคนิค ขายของใน TikTok ให้เหนือกว่าคู่แข่ง
การแข่งขันที่สูงขึ้นในปี 2025 ทำให้การสร้างคอนเทนต์ต้องมีคุณภาพและตอบโจทย์ผู้ชมมากขึ้น
4.1. ใช้คีย์เวิร์ดในวิดีโอและแฮชแท็ก (SEO on TikTok)
TikTok ก็มีระบบ Search Engine!
- ใส่คีย์เวิร์ดหลัก “ขายของใน tiktok” และคีย์เวิร์ดย่อย เช่น “ขายของใน tiktok เสียค่าอะไรบ้าง” หรือ “Dropshipping TikTok” ในคำบรรยายวิดีโอ (Caption)
- ใช้แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและเทรนด์
- ใช้ข้อความ (Text Overlay) ในวิดีโอที่มีคีย์เวิร์ด เพื่อให้ TikTok เข้าใจเนื้อหา
4.2. สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ
- ตอบกลับอย่างรวดเร็ว: การตอบแชทลูกค้าหรือคอมเมนต์ภายใน 1 ชั่วโมงจะช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย
- ใช้ Q&A ใน Live: เปิดโอกาสให้ลูกค้าถามคำถามใน Live สด เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
สรุป
การขายของใน TikTok Shop ด้วยโมเดลแบบไม่ต้องสต็อกสินค้า เป็นทางลัดที่ดีที่สุดในการเข้าสู่โลก E-commerce ในปี 2025 ด้วย 6 ขั้นตอน ที่เน้นความรวดเร็วและความยืดหยุ่น คุณสามารถเริ่มต้นขายง่าย และ เปิดได้ทันที โดยลดความเสี่ยงด้านการเงินได้มหาศาล