หลายๆคนอาจจะเข้าใจว่าการทำ SEO ที่ดีนั้นมีเพียงแค่การหา Keyword หรือ การเขียน content ที่ดี แต่ในความเป็นจริงนั้นการออกแบบเว็บไซต์เพื่อให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์ที่ดีกับเว็บไซต์ของเราถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน บทความนี้เราจะอธิบายเกี่ยวกับ User Experience (UX) ว่าจะส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ได้อย่างไร
ความหมายของ User Experience
User Experience (UX) หรือเรียกง่ายๆว่า ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน เป็นส่วนที่ออกแบบขั้นตอนการใช้งานของสินค้าและบริการ หรือบนแพลตฟอร์มต่างๆเพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกพึงพอใจได้มากที่สุด เช่น รู้สึกใช้งานง่าย สนุกสนานหรือใช้แล้วมีความสุข เป็นต้น ประสบการณ์และความต้องการของผู้ใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญ ว่าเขาต้องการอะไร แบบไหน ที่ไหน อย่างไร พอใจกับอะไรบ้าง เพื่อจะทำให้เราออกแบบทั้งตัวผลิตภัณฑ์หรือการบริการได้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งานได้ตรงจุดมากที่สุด
วิธีตรวจสอบว่าควรปรับปรุง UX ในเว็บไซต์เราหรือไม่
- Bounce Rate คือ เปอร์เซ็นของคนที่เข้ามาในเว็บไซต์แล้วออกจากเว็บไซต์ไป โดยไม่ได้เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์อื่นๆต่อ การที่ Bounce Rate สูงแสดงว่าผู้ใช้เจอสาเหตุที่ทำให้ออกจากเว็บไซต์ของเราก่อนที่จะคลิกไปดูหน้าอื่น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเว็บไซต์ไม่สวย เนื้อหาไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้ค้นหาหรือใช้เวลาในการโหลดหน้าเว็บไซต์นานไป
- Dwell Time คือ เวลาที่คนเข้ามาในเว็บไซต์ใช้ในแต่ละหน้า ยิ่ง Dwell Time มากถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีเพราะ Google บอกว่าการที่ผู้ใช้งานเว็บไซต์เราใช้เวลามากแปลว่าเว็บไซต์เรามีประโยชน์และเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้ใช้ค้นหา
- Google Search Console
Core Web Vitals เป็นเครื่องมือใน Google Search Console ที่ใช้ในการวัดผลเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ของเราหรือเรียกอีกอย่างว่าคะแนน UX ที่ google ให้สำหรับเว็บไซต์เรา โดยใช้ระบบที่ชื่อว่า Page Experience ในการประเมิณว่าผู้ใช้งานเว็บไซต์นั้นมีประสบการณ์ใช้งานบนเว็บไซต์เราดีหรือไม่ โดยการวัดผลด้วย Core Web Vitals นั้นประกอบไปด้วย 3 อย่างคือ
- Largest contentful Paint (LCP) ใช้สำหรับวัดค่าเวลาในดาวน์โหลดเว็บไซต์ครั้งแรก
- First Input Delay (FID) ใช้สำหรับวัดค่าเวลาในการตอบสนองของเว็บไซต์ต่อการคลิกหนึ่งครั้ง
- Cumulative Layout Shift (CLS) ใช้วัดค่าความคงที่หรือความเสถียรของ Layout ในเว็บไซต์
ปัจจัยในการออกแบบ UX ในเว็บไซต์ให้ดีต่อ SEO
1.Page speed
ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยของ Google ต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ ถ้าหากเว็บไซต์มีการโหลดช้า อาจจะทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องการที่จะรอให้เว็บไซต์เราโหลดเสร็จก่อนเห็นหน้าเนื้อหาของเรา ในการทดสอบความเร็วในการโหลดเว็บไซต์สามารถใช้เครื่องมือ PageSpeed Insight ในการทดสอบได้โดยเครื่องมือนี้สามารถแนะนำได้ว่าเว็บไซต์เราควรปรับปรุงเพิ่มเติมในส่วนไหนเพื่อทำให้เว็บไซต์สามารถโหลดได้เร็วขึ้น
2. Mobile Friendliness
Mobile Friendliness ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ Google ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์ของเรา ในปัจจุบันผู้ใช้งานเข้าเว็บไซต์ของเราผ่านสมาร์ทโฟนมากกว่าคอมพิวเตอร์ ทำให้การออกแบบเว็บไซต์ให้สามารถรองรับและแสดงผลกับอุปกรณ์ที่แตกต่างได้อย่างเหมาะสมนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก ในการเช็คว่าเว็บไซต์เรานั้นรองรับการแสดงผลกับทุกอุปกรณ์ได้หรือไม่สามารถใช้ Mobile Friendly Test ของ Google ในการเช็คได้
แนะนำว่าควรใช้การออกแบบแบบ Responsive Web Design ในการออกแบบเว็บไซต์เพื่อให้เว็บไซต์สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบ หน้าจอและขนาดได้ตามแต่ละอุปกรณ์แสดงผล
3. UX navigation และโครงสร้างเว็บไซต์
เว็บไซต์ควรมีการออกแบบโครงสร้างที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจได้ง่ายโดย Navigation คือตัวช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์และเข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์เราได้ง่ายขึ้น เช่น แถบเมนูที่มักปรากฏที่ด้านบนของหน้าเว็บไซต์ แถบเมนูเปรียบเสมือนเครื่องนำทางในเว็บไซต์เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานทราบว่าตอนนี้อยู่ส่วนไหนของเว็บไซต์ เนื่องจากหลายเว็บไซต์นั้นผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าสู่เว็บไซต์ผ่านหน้า Homepage ทำให้การมีแถบเมนูนั้นสามารถช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจถึงบริการของเราได้ง่ายขึ้นและยังสามารถกดกลับไปยังหน้าบริการก่อนหน้านี้ได้ด้วย
สรุป
การทำ UX มีความสำคัญต่อการทำ SEO เป็นอย่างมาก การออกแบบเว็บไซต์นั้นควรคำนึงถึงปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อให้ผู้ใช้งานได้มีประสบการณ์ที่ดี พึงพอใจในการใช้งานและยังส่งผลให้เว็บไซต์ของเราอยู่ในอันดับที่ดีได้อีกด้วย
“A better tomorrow starts today”
Line@: bit.ly/ForeToday
FB Chat: http://m.me/foretoday
#Foretoday #digitalagency #marketing #Ecommerce #UXdesign #SEO