ก่อนจะส่งท้ายปีเก่า เข้าสู่ปีใหม่ทางบริษัทของเรา ForeToday ได้จัด Training กันกับ HabitScan ซึ่งเป็นโปรแกรมวิเคราะห์นิสัย ด้วยระบบทดสอบบุคลิกภาพและประเมินสมรรถนะรายบุคคล (Personal test) เพื่อมุ่งมั่นพัฒนาตัวเอง โดยเน้นการค้นหามิติด้านนิสัย (Habit) เป็นหลัก และอีกจุดประสงค์หนึ่งในการเข้าร่วมเพื่อผลักดันองค์กรให้ก้าวหน้าไปสู่ความสำเร็จ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน และรักษาไว้ซึ่งความสำเร็จนั้นอย่างยั่งยืน
ก่อนจะถึงวัน Training ก็จะมี Process เล็กๆน้อยๆให้ทำ HABITSCAN PERSONALITY TYPE TEST เพื่อเป็นการวิเคราะห์ตัวเอง ทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้นและหนทางการพัฒนาตัวเอง เป็นข้อมูลสำหรับในวัน Training ด้วย โดยผลทดสอบจะออกมาในรูปแบบของสี โดยแต่ละสีก็จะมีจุดเด่นจุดด้อยที่ต่างกัน
(ตัวอย่างผลการทดสอบ)
เดียวผมมาสรุปสั้นๆให้รู้จักกับแต่ละสีดีกว่า
สีเหลือง : เป็นนักสร้างสัมพันธ์แต่งกายชวนมองหา มีสีสัน คุณเป็นมิตร ร่าเริง เข้ากับคนง่าย มีความเป็นกันเอง มีน้ำใจ ช่วยเหลือผู้อื่น ชอบสร้างสีสันความสนุกสนาน เข้ากิจกรรมทางสังคม ยืดหยุ่น เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น รักสนุก เบื่อง่าย คุณอยากเป็นคนสำคัญ คนสนิท อยู่คนเดียวในโลกไม่ได้ ไม่ชอบการที่คนอื่นไม่รับฟัง รวมถึงการผิดใจ และการตัดความสัมพันธ์
สีแดง : เป็นนักบัญชาการ เป็นคนฉลาดเฉลียว หัวไว มุ่งเป็นหนึ่ง พูดเก่ง ฉลาด ชัดเจน จริงจัง ทุ่มเท ยุติธรรม รักความก้าวหน้าและมีเหตุผล อยากรู้อยากลอง มีความมุทะลุ ไม่ชอบอยู่นิ่ง หุนหันพลันแล่น ชอบเสี่ยงท้าทาย มักใช้ชีวิตคิดเอง อิสระ โดดเด่นในการเป็นผู้นำ มีความกล้าหาญสามารถปกป้องผู้อื่นได้
สีส้ม : เป็นนักแสดง มีบุคลิกภาพดี การแต่งกายดี ภาพลักษณ์น่าตาต้องเด่นชัด มีเสน่ห์ โดดเด่นในเรื่องการแสดง คุณชอบเข้าสังคมในงานที่ต้องพบเจอคนมาก ๆ ชอบการมีชีวิตแบบอิสระ ไม่มีการผูกมัด ชอบงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ มีไอเดียบรรเจิด อยากสร้างผลงานให้เป็นที่ยอมรับ ไม่ชอบการถูกปฏิเสธ
สีน้ำเงิน : คนที่ได้สีน้ำเงินมักจะเป็นคนที่มีความสามารถด้านการจัดการ เป็นคนรอบคอบ สม่ำเสมอ มีขั้นตอน วางแผน สามารถจดจำตัวเลขละรายละเอียดได้ดีกว่าคนอื่นๆ มีความน่าเชื่อถือสามารถจัดระบบข้อมูลและสรุปผล บุคลิกภาพที่คนสีน้ำเงินมักเป็นกันคือเป็นคนที่ชอบสังเกต มีแบบแผน ขยัน ระมัดระวัง หนักแน่น ชัดเจน มีตรรกะและเหตุผล สามารถวางแผนและควบคุมตนเองได้ดี มีระบบในชีวิตและไม่ชอบความผิดพลาด
สีเขียว : คนที่ได้สีนี้จะเป็นคนที่รับผิดชอบต่อหน้าที่ เป็นผู้ตามที่ดี เน้นการลงมือทำที่สามารถจับต้องได้จริงมากกว่าการพูด คนที่ได้สีเขียวจะเป็นคนที่มีบุคคลิกที่เงียบ สำรวมเข้าใจยากและเย็นชา ชอบการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สงบเสงี่ยม ไม่คุยโอ้อวดและไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง
สีม่วง : คนที่ได้สีม่วงนี้มักจะเป็นคนที่ชอบการคิดวิเคราะห์ วางแผน สามารถนำข้อมูลเก่ามาต่อยอดให้กับความรู้ตัวเองได้ ทำงานโดยยึดหลักเหตุผล ชอบการสืบค้น สร้างสรรค์ เรียนรู้สิ่งใหม่ที่แตกต่าง ทำให้คนสีม่วงมีบุคคลิกภาพที่เงียบ สำรวม เก็บตัวและช่างคิด มักจะมีคำถามในใจตลอดเวลา ทำให้ชอบการค้นหาความรู้ ชอบคิดอยู่คนเดียว ชอบความเป็นส่วนตัว ทำให้ไม่ชอบที่จะถูกก้าวก่ายชีวิต
สำหรับ ForeToday ของเรานั้นมีกันครบทุกสี เรียกได้ว่ามีคนทุกประเภทเลย แต่รู้รึเปล่าว่าสีอะไรเยอะที่สุด? สีนั้นก็คือ “สีม่วง” เกินครึ่งเป็นสีม่วงเพราะเราคือเหล่านักปราชญ์ไงล่ะ คำว่าเหล่านักปราชญ์นี่เป็นคำที่พิธีกรเริ่มทักทายเรียกพวกเราก่อนจะเริ่มดำเนินกิจกรรมแรก
เริ่มแรกเป็นที่พิธีกรมาวิเคราะห์ตามแต่ละสีให้มีความเข้าใจมากขึ้น ว่าสีแต่ละสีมีบุคลิก ลักษณะ นิสัยสียังไง ข้อดีข้อด้อย ที่ควรปรับปรุงเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้างให้ดียิ่งขึ้น รู้จุดแข็งจุดอ่อนของตัวเองและเพื่อนรวมทีม ว่าควรปรับปรุงและพัฒนาอย่างไร เข้าหาอย่างไรถึงจะดีที่สุด
โดยกิจกรรมจะดำเนินไปถึง 10 โมงครึ่ง จากนั้นจะมีเบรค 15 นาทีก่อนเข้าสู่กิจกรรมถัดไป
ช่วงนี้ตามแต่ละคนเลย สำหรับใครที่ไม่ออกไปก็สามารถไปปรึกษาเรื่องสีกับพี่ๆสต้าฟต่อได้ ก็จะมีออกไปซื้อขนมกิน กาแฟดื่ม และกลับมาเข้าสู่กิจกรรมถัดไป
รูปไหนที่บ่งบอกถึงตัวตนคุณ
พิธีกรจะให้ไปเลือกรูปที่วางไว้โดยให้เลือกรูปที่ตรงกับตัวเองมากที่สุด แล้วจับคู่มาเล่าว่าทำไมถึงเล่าเลือกรูปนี้เกี่ยวโยงหรือตรงกับตรงเรายังไงสลับกันเล่าคนละ 2 นาที เมื่อทั้งเล่ากันจบแล้วก็จะเเลกรูปที่เลือกมาจากกันก็สลับไปจับคู่กับคนอื่นต่อ แต่ครั้งนี้จะเอารูปที่เราไม่ได้เลือกมาเล่าในหัวข้อเดิม แต่จะเป็นหัวข้อใหม่นั้นก็คือ ลึกๆแล้วฉันเป็นคนอย่างไร
(อย่างรูปนี้ที่ถูกเลือกขึ้นมา ถ้าเป็นคุณจะเลือกรูปนี้ขึ้นมารึเปล่า รูปนี้ตรงกับตัวตนคุณอย่างไร เป็นรูปที่มีเด็กชายกำลังยิ้มอยู่แต่สายตานั้นกลับดูเหม่อลอย)
ก่อนจะพักเที่ยงกันมีคำถามให้หยิบซึ่งคนหยิบนั้นจะไม่รู้ว่าได้คำถามอะไร เมื่อหยิบมาอ่านก็สามารถถามใครก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่ยังไม่ถูกถาม มันเป็นคำตามแนวทำความรู้จักกับอีกฝ่ายให้มากขึ้น อย่างคำถาม “อะไรที่ทำให้เรารู้สึกดี” , “ถ้าได้กลับไปบอกตัวเองในอดีต”,”อะไรที่ทำให้ฉันไม่สบายใจ” ก็จะเป็นคำถามประมาณนี้ มันดีมากสำหรับบางคนที่อยากได้ยินคำตอบจากปากใครสักคน เพื่อให้ตัวเองมีความมั่นใจ สบายใจมากยิ่งขึ้น และผมมองว่ามันจะส่งผลดีต่อการงานในอนาคตด้วย
หลังจากผ่านช่วงเวลาพักตอนกลางวันแล้ว ก็จะเข้าสู่กิจกรรมถัดไปยังคงเกี่ยวข้องกับรูปถ่ายเช่นเคย แต่ครั้งนี้ไม่ได้ให้เลือก แต่ให้สุ่มรูปที่ได้หมอบไว้จากนั้นก็จับคู่กัน 2 คนมาเล่าว่ารูปที่ได้นั้นเกี่ยวข้องกับ”ชีวิตที่ผ่านมาเป็นอย่างไร” มาเล่าสลับกันกับคู่ คนละ 2 นาที จากนั้นก็สลับรูปกับคู่เราแล้วไปจับคู่กับคนอื่นมาเล่ากันต่อกับ” สิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง” คนละ 2 นาทีเช่นเคย และสลับรูปกันไปจับคู่ในรอบสุดท้ายโดยในรอบนี้จะเล่าถึง “หากสามารถขอพรได้หนึ่งอย่าง อยากขอให้สิ่งใดเกิดขึ้นกับชีวิต” ให้เกี่ยวโยงกับรูปที่ได้มา จากนั้นก็เป็นการสรุปว่ารูปทั้งหมดกำลังบอกอะไรเราอยู๋ ให้เขียนลงไปในกระดาษที่เตรียมไว้โดยจะมีอยู่ 5 คำถาม ให้เรียนลงไป อย่าง “หลังจากนี้ฉันจะวางแผนกับเป้ากมายชีวิตอย่างไร” “Action in 24 Hours, 7 Days, 30 Days” เมื่อทุกคนเขียนของตัวเองเสร็จกันแล้ว ก็จะเข้าสู่กิจกรรมสุดท้ายนั้นก็คือการ Workshop
WORKSHOP
จับกลุ่มกัน 3 คน มาทำworkshop ด้วยกัน ถ้ารวมกับสมาชิกของ foretoday แล้วได้เป็น 6 กลุ่ม พร้อมกับได้กระดาษขนาดใหญ่มาแผ่น 1 ให้ช่วยกันทำ Action in ในปีหน้า โดยจะมีโจทย์ที่เป็น “คำ” ให้ใส่เข้าไปด้วย ซึ่งกลุ่มของผมได้คำว่า ความตาย เริ่มแรกเลยกลุ่มผมนั้นได้เวลาครุ่นคิดนานกว่ากลุ่มอื่นมาก เนื่องจากการทำ Action in ที่แนวปลายเปิดไม่มีคำตอบที่ถูกผิด กลุ่มอื่นลงมือทำแล้วกลุ่มเรายังตัดสินใจกันไม่ได้เลย เนื่องจากที่เขียนมาค่อนข้างต่างกันมากแต่หลังจากที่ลองจับใจความดีๆแล้วมองมุมที่เหนือว่าตัวอักษรที่เขียนลงไป เนื้อความของแต่ละคนกลับต้องการบอกสิ่งเดียวกัน เหมือนๆกัน ทำให้เราได้ลงมือทำและเสร็จทันเวลาในที่สุด ที่สำคัญกลุ่มเรานั้นได้โจทย์มาเป็นกลุ่มสุดท้ายซึ่งเรากว่าจะมาถึงเราได้ลงมือทำไปเกือบครึ่งแล้ว ก็เลยต้องมานำคำที่เป็นโจทย์มาคลองกันในตอนท้ายและได้ Theme มาก่อนจะพรีเซนต์เป็น Old me was dead , New me was born ซึ่งมันเข้ากับงานที่เราจะนำเสนอมาก
หลังจากที่พรีเซนต์กันจบ ก็การพูดคุยช่วงท้ายกับเขียน Post-it ให้เขียนแล้วพูดถึง Start-Stop-Still ตามแต่ละคน แล้วพิธีกรกล่าวจบและถ่ายรูปรวมกัน ถ้าให้สรุปเลยก็เป็น Training ที่ดีเลยทำให้มีความเข้าใจในตัวเองอย่างแท้จริง นิสัยที่แสดงออกภายนอกและภายในที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยยอมรับจะเปลี่ยนไป สามารถเข้าใจตัวเองได้อย่างลึกซึ่ง เพื่อแก้ไขและปรับปรุงให้สมบูรณ์และพัฒนาขึ้นรวมถึงสื่อสารร่วมกับผู้อื่นได้ง่ายขึ้นด้วย
เหมือนจะจบเเล้วแต่ยัง
ยังมีอีกซึ่งส่วนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ Training แต่เป็นกิจกรมมที่เราจัดเองนั้นก็ เฉลยบัดดี้ที่คอย Take care กันมาเป็นอย่างดี ในที่สุดก็จะได้รู้สักทีใครกันนะที่คอย Take care เรา ไม่หมดเพียงเท่านี้ยังมีอีก นั้นคือการจับฉลากลุ้นของรางวัลจาก Googleและส่งท้ายด้วยการไปเลี้ยงฉลองกันที่ KUEON ถือเป็นการสิ้นสุดวัน Training Day