รู้จักประเภทโลโก้ที่ใช่และการใช้ให้เหมาะกับแบรนด์

โลโก้ ถือเป็นหน้าเป็นตาขององค์กร เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความประทับใจแรกพบ และเป็นรากฐานของ Brand Identity ทำให้แบรนด์ของคุณมีความเป็นเอกลักษณ์และน่าจดจำ แต่ใช่ว่าจะใช้โลโก้อะไรก็ได้นะ! โลโก้เองก็มีหลายประเภท มีข้อเด่นข้อด้อยแตกต่างกันที่เหมาะกับแบรนด์หลากหลายรูปแบบ ต้องเลือกดูให้ดี เรามาทำความรู้จักและเลือกประเภทโลโก้ที่เหมาะกับแบรนด์ของคุณกัน!

1.โลโก้ตัวอักษร (Wordmark logo)

ถือเป็นรูปแบบโลโก้ที่คลาสสิคที่สุด โดยจะเน้นไปที่การใช้ตัวอักษรในการสร้างโลโก้ ซึ่งมีความเรียบง่ายใช้เพียงแค่ชื่อบริษัทเท่านั้น ถึงแม้ไม่มีรูปภาพแต่ก็สามารถสร้างสรรค์สไตล์ของบริษัทนั้นๆด้วย รูปแบบอักษร สี ลักษณะอักขระ การเว้นวรรค และรูป ที่สามารถสื่อไปถึงรูปแบบและภาพลักษณ์ของแบรนด์ 

ข้อดีของโลโก้ตัวอักษรคือ ง่ายต่อการนำไปใช้กับสื่อต่างๆ และทำให้จดจำได้ง่าย ไม่ซับซ้อน หรือในบางครั้งบริษัทต่างๆจะย่อโลโก้ให้สั้นเป็นชื่อย่อหรืออักษรย่อ เช่น Facebook คือ F

2.โลโก้ตัวย่อ (Monogram / lettermark logo)

โลโก้ตัวย่อจะประกอบไปด้วยตัวอักกษร 1-4 ตัวอักษร โดยทั่วไปจะเป็นชื่อย่อบริษัทหรืออักษรตัวแรก ทำให้เป็นที่สะดุดตา ชื่อย่อเป็นส่วนสำคัญของโลโก้ในการออกแบบ ดังนั้นจะต้องชัดเจนและง่ายต่อการจดจำ แต่ถ้าเป็นบริษัทใหม่ในวงการก็ควรใส่ชื่อเต็มของบริษัทไว้ด้วยเพื่อเพิ่มการจดจำ

โดยปกติแล้วโลโก้ตัวย่อจะเล็กกว่าโลโก้รูปภาพ และจะเหมาะกับในพื้นที่เล็กๆอย่างสี่เหลี่ยมจตุรัสมากกว่า เนื่องจากโลโก้ชนิดนี้ใช้ข้อความอย่างเดียวจึงควรเน้นรูปแบบตัวอักษรที่เหมาะสม อ่านง่าย และโดดเด่น

3.โลโก้ภาพและตัวอักษร (Combination logo)

โลโก้ที่ผสมผสานระหว่างตัวอักษรและสัญลักษณ์ (หรือเรียกว่าเครื่องหมายโลโก้ logomark) เป็นโลโก้ที่ถูกพบได้บ่อยที่สุด สามารถเลือกใช้สัญลักษณ์หรือใช้ตัวอักษรได้ตามต้องการ สามารถออกแบบให้จัดวางอยู่รวมกัน หรือ บน ล่าง ก็ได้

ข้อดีคือเหมาะกับการสร้างการจดจำแบรนด์ เพราะโลโก้ลักษณะนี้จะทำให้จดจำได้ง่าย เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับบริษัทใหม่ที่ต้องการสร้างภาพจำ

4.โลโก้เครื่องหมายรูปภาพ (Pictorial mark logo)

โลโก้ตราสินค้าเป็นภาพหรือสัญลักษณ์แบบสแตนด์อโลน เครื่องหมายอาจเป็นรูปภาพ แทนวัตถุในชีวิตจริง หรือรูปทรงนามธรรม

โลโก้ประเภทนี้ไม่มีชื่อบริษัท ซึ่งเป็นความเสี่ยงสูงสำหรับธุรกิจใหม่ที่ต้องการให้มองเห็นชื่อได้ โลโก้ตราสินค้าเหมาะที่สุดสำหรับตราสินค้าที่มีการจดจำตราสินค้าอยู่แล้ว

และเช่นเดียวกับการตั้งชื่อ การเลือกและออกแปปโลโก้ตราสินค้าจำเป็นต้องได้รับการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่า รูปภาพบอกอะไรเกี่ยวกับบริษัทของคุณ 

5.โลโก้ตราสัญลักษณ์ (emblems logo)

โลโก้ที่เก่าแก่ที่สุดรูปแบบหนึ่งคือตราสัญลักษณ์ ลักษณะจะเป็นการนำองค์ประกอบรวมหรือชื่อรวมเข้าด้วยกัน และล้อมกรอบเอาไว้ในลักษณะต่างๆ ส่วนใหญ่ภาพหรือรูปทรงที่นำมาใช้ในการออกแบบ โลโก้มักจะสื่อความหมายถึงหรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้นๆ ลองนึกถึงตราประทับ ดวงตรา หรือยอด โลโก้ตราสัญลักษณ์ถือเป็นภาพที่เชื่อมโยงกันมากกว่าการพิมพ์

เนื่องจาก logo ลักษณะนี้เป็นรูปแบบที่ใช้มากันอย่างยาวนานจึงแอบมีความขลังซ่อนไว้ มักเกี่ยวข้องกับแบรนด์ที่มีประวัติอันยาวนาน แต่โลโก้ประเภทนี้ยังใช้งานได้หลากหลายน้อยกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานออนไลน์ โลโก้ตราสัญลักษณ์มักมีความสลับซับซ้อน ดังนั้นจึงอาจเป็นเรื่องยากที่จะย่อขนาดเพื่อใช้บนโซเชียลมีเดียหรือนามบัตร

6.โลโก้มาสคอต (Mascot)

เป็นโลโก้ภาพประกอบที่มีการออกแบบจากรูปคน สัตว์ หรือตัวการ์ตูนที่เรากำหนดมาให้เป็น Mascot ของแบรนด์ 

โดยเรามักจะเห็นลักษณะของโลโก้รูปแบบนี้ในธุรกิจสำหรับเด็กเนื่องจากลักษณะที่น่าสนใจ ลองนึกถึงตัวละครต่างๆ หรือเป็นธุกิจที่อยากมีภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรกับผู้ปริโภค

และด้วยการก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสาร หลายบริษัทต่างๆ มีแนวโน้มที่ใช้ตัวละครที่เคลื่อนไหวได้เพื่อทำให้แบรนด์ของพวกเขามีความเป็นมนุษย์

.

.

สรุป

นอกจากเลือกใช้ลักษณะโลโก้ที่ถือเป็นหน้าเป็นตาขององค์กร เป็นสิ่งสำคัญต่อ ในการสร้าง branding ที่สมบูรณ์ยังประกอบไปด้วยองค์กระกอบอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น CI สินค้าและบริการ รวมไปถึงวัฒนธรรมองค์กรก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยสะท้อนภาพลักษณ์ของ brand  ต่อผู้บริโภคได้เช่นกัน

“A better tomorrow starts today”

Line@ : bit.ly/ForeToday 

FB Chat : http://m.me/foretoday