1. Getting Strategic With Generative AI
Generative AI คือเทคโนโลยีที่ฉลาดสุดๆ สามารถสร้างเนื้อหาต่างๆ ให้กับเทรนด์ธุรกิจได้เอง ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ หรือแม้แต่เสียง ด้วยการใช้โมเดล AI ที่เรียนรู้จากข้อมูลที่มีอยู่ เทคโนโลยีนี้สามารถเปลี่ยนโฉมธุรกิจได้เลย เพราะช่วยทำให้การผลิตคอนเทนต์ง่ายขึ้น ประหยัดเวลา และตอบสนองต่อความต้องการลูกค้าได้ไวสุดๆ
สำหรับแบรนด์ที่อยากนำ Generative AI มาใช้ให้ได้ผลดี ควรปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับจุดแข็งของเทคโนโลยีนี้ เช่น ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า สร้างโฆษณาเฉพาะตัว หรือพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น
อุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จาก Generative AI แบบเต็มๆ คือ การตลาด การผลิตคอนเทนต์ และเทคโนโลยี เพราะ AI สามารถสร้างคอนเทนต์ที่โดนใจและปรับแต่งผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับความต้องการของตลาดได้อย่างลงตัว
2. Sustainable Business And Circular Economies
Sustainable Business คือการที่องค์กรแสดงให้เห็นถึงแนวทางเทรนด์ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนได้รับแรงผลักดันจากทั้งแรงกดดันทางกฎระเบียบและความต้องการของผู้บริโภค และในส่วนของแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มุ่งเน้นให้ใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า มีประสิทธิภาพมากที่สุด และให้ความสําคัญกับการนําวัตถุดิบที่ผ่านการผลิตและบริโภคแล้วเข้าสู่กระบวนการผลิตใหม่ให้ได้นานที่สุดเพื่อลดขยะและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเปลี่ยนแปลงในปี 2025
สิ่งที่สำคัญคือ นี่ไม่ใช่แค่การ “greenwashing” เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายทางชื่อเสียง หรือแม้แต่ผลกระทบจากค่าปรับที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม องค์กรต่าง ๆ เริ่มพบว่าธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้นดีต่อธุรกิจจริง ๆ
แบรนด์และอุตสาหกรรมหลายแห่งที่มุ่งเน้นการดำเนินงานอย่างยั่งยืน เช่น:
1. อุตสาหกรรมอาหาร: Oatly (ผลิตภัณฑ์จากข้าวโอ๊ต) และ Beyond Meat (เนื้อสัตว์จากพืช)
เน้นการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและลดการใช้ทรัพยากร
2. อุตสาหกรรมแฟชั่น: แบรนด์อย่าง Patagonia และ Everlane มุ่งมั่นในการผลิตเสื้อผ้าที่ยั่งยืน ใช้วัสดุรีไซเคิล และมีความโปร่งใสในกระบวนการผลิต
3. อุตสาหกรรมพลังงาน: บริษัทอย่าง Tesla ที่มุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานสะอาดและการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
4. อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง: แบรนด์เช่น Lush ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติและไม่มีการทดสอบในสัตว์
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป การปรับตัวสู่ธุรกิจที่ยั่งยืนจึงไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกที่ดี แต่ยังเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าอีกด้วย โดยข้อมูลแสดงให้เห็นชัดเจนว่าความน่าเชื่อถือด้านสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อสินค้าในปัจจุบัน
3. Hyper-automation And The Intelligent Enterprise
แนวคิดองค์กรอัจฉริยะเป็นความฝันที่มีมานานแล้ว แต่เมื่อบริษัทต่างๆ เริ่มมั่นใจในการใช้ AI มากขึ้น ไม่ใช่แค่การทดลองหรือพิสูจน์แนวคิดอีกต่อไป เราก็จะเห็นมันเป็นจริงในปี 2025 นี้แหละ
ลองจินตนาการดูนะ มีบริษัทที่ข้อมูลไหลลื่นระหว่างแผนกต่างๆ ตั้งแต่มาร์เก็ตติ้ง เซลส์ ไปจนถึงฝ่ายวิจัยพัฒนา ฝ่ายผลิต และซัพพลายเชน ทั้งหมดนี้เชื่อมกันด้วย AI ที่วิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อทำนายความต้องการ หาปัญหาก่อนที่มันจะเกิด และปรับตัวเข้ากับตลาดหรือพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป นอกจากงานวิเคราะห์และตัดสินใจแล้ว งานอื่นๆ อีกเยอะ ทั้งติดต่อลูกค้า หยิบแพ็คของ ส่งของ ก็จะเป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้นด้วย
การทำความเข้าใจและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในสังคม ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีด้วย ทั้งเรื่องความปลอดภัยข้อมูล AI อคติต่างๆ รวมถึงผลกระทบต่องานของคนและอนาคตการทำงาน คาดว่าเรื่องพวกนี้จะยังเป็นประเด็นถกเถียงกันต่อไปในเทรนด์ธุรกิจปีหน้าแน่ๆ
4. Customer Experience Is King
ในยุคที่ลูกค้ามีอำนาจในการตัดสินใจสูง การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า (Customer Experience: CX) กลายเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์โดดเด่นกว่าคู่แข่ง และในเทรนด์ธุรกิจปี 2025
ลูกค้าไม่เพียงแค่ต้องการแค่สินค้าดีๆ แต่คาดหวังประสบการณ์ที่ เป็นส่วนตัว ราบรื่น และน่าจดจำ ในทุกจุดสัมผัส (Touchpoint) ตั้งแต่ก่อนซื้อจนถึงบริการหลังการขาย ถ้าแบรนด์ไหนไม่สามารถตอบโจทย์นี้ได้ ลูกค้าก็พร้อมจะย้ายไปหาแบรนด์ที่ดีกว่า
การเน้นสร้างประสบการณ์ที่ดีจะช่วยให้เกิดสิ่งเหล่านี้
1. ช่วยเพิ่มความภักดีเพื่อลูกค้าที่พอใจจะกลับมาซื้อซ้ำ
2. ช่วยเพิ่มมูลค่าตลอดชีพของลูกค้าเพราะลูกค้าที่แฮปปี้จะใช้จ่ายมากขึ้นในระยะยาว
3. สามารถสร้างการบอกต่อได้เพราะลูกค้าที่พอใจจะแนะนำให้คนอื่นๆ รู้จักแบรนด์ของเรา
4. ความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดที่สินค้าคล้ายกัน การให้ประสบการณ์ที่ดีกว่าคือจุดชี้ขาด
การปรับตัวเพื่อ CX ที่ดีกว่าจะต้องปรับให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละคน ใช้ข้อมูลและ AI สร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล นอกจากนี้ยังต้องเชื่อมโยงทุกช่องทางให้ได้ทำให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนผ่านระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ และที่สำคัญต้องบริการแบบเรียลไทม์ให้การช่วยเหลือและรับฟังลูกค้าทันทีผ่านแชทบอทและบริการ 24/7
แบรนด์ที่เป็นผู้นำด้าน Customer Experience
1. Starbucks
Starbucks ถือเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมในการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ยั่งยืน ด้วยการสร้างความรู้สึกเป็นส่วนตัวและเป็นกันเอง ทุกครั้งที่ลูกค้าเดินเข้าร้าน พนักงานจะเรียกลูกค้าด้วยชื่อและทำเครื่องดื่มในแบบที่ลูกค้าชื่นชอบ นอกจากนี้ Starbucks ยังมีแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถสั่งล่วงหน้า สะสมคะแนน และรับข้อเสนอพิเศษ สร้างความสะดวกสบายและเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์
2. Netflix
Netflix เน้นประสบการณ์ส่วนตัวอย่างเต็มที่ผ่าน การแนะนำคอนเทนต์ที่ตรงใจ ลูกค้าแต่ละคนโดยใช้ AI และข้อมูลการรับชมของลูกค้า เพื่อแนะนำหนังหรือซีรีส์ที่ลูกค้าน่าจะชอบ ระบบนี้ทำให้ Netflix เป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้รู้สึกว่ามีความใส่ใจและตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
3. Sephora
Sephora เป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ผ่าน บริการทดลองสินค้า ทั้งในร้านและทางแอปพลิเคชัน เช่น ฟีเจอร์เสมือนจริงที่ช่วยให้ลูกค้าลองแต่งหน้าโดยไม่ต้องเดินทางไปหน้าร้าน นอกจากนี้ Sephora ยังให้คำแนะนำด้านความงามผ่าน Beauty Advisors ช่วยสร้างความมั่นใจและความพึงพอใจให้กับลูกค้า
4. Disney
Disney เป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่อง การสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ ทั้งในสวนสนุกและออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการที่เป็นมิตร ความสะดวกในการใช้บริการผ่านแอป My Disney Experience ที่ช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถจองตั๋วและบริการต่างๆ ได้ล่วงหน้า รวมถึงการใส่ใจรายละเอียดในการสร้างความสุขและความประทับใจให้กับลูกค้าทุกวัย
5. Airbnb
Airbnb มุ่งเน้นการสร้าง ประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยแพลตฟอร์มที่ทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาที่พักที่ตรงตามความต้องการในท้องถิ่นได้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านส่วนตัวหรือที่พักพิเศษแบบมีเรื่องราว Airbnb ยังให้บริการลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนท้องถิ่นผ่านกิจกรรมต่างๆ
5. Resilience In The Age Of Uncertainty
สถานการณ์ความขัดแย้งเมื่อหลายปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคต่างๆ รวมถึงยูเครนและตะวันออกกลาง ควบคู่ไปกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและสภาพตลาดที่ผันผวน ล้วนสร้างความท้าทาย และความไม่แน่นอนให้กับธุรกิจ ทำให้องค์กรส่วนใหญ่ มีความจำเป็นจะต้องพัฒนาศักยภาพภายในองค์กร เพื่อให้สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และสภาพของตลาด โดยหัวข้อที่องค์กรต่างๅ จะเน้นพูดถึงกันในปีเทรนด์ธุรกิจ 2025 คือ “ความยืดหยุ่น”
“ความยืดหยุ่น” ไม่ได้หมายความเพียงแค่ว่าการที่องค์กรสามารถฝ่าฟันพายุลูกใหญ่มาได้อย่างปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังหมายความถึงการพัฒนาความสามารถในการเตรียมพร้อมรับมือ และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่อสิ่งที่ไม่คาดคิดได้ด้วย โดยใช้วิธีการใด วิธีการหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมพร้อม และรับมือต่อเหตุวิกฤตการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างดี เช่น การขาดแคลนทักษะของงพนักงาน และการเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ในอนาคต ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของระบบอุปสงค์ อุปทาน ที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน หรือธุรกิจในองค์กร ซึ่งนำมาสู่สิ่งที่เรียกว่า “การเตรียมพร้อมและคาดการณ์สถานการณ์ที่ไม่คาดคิด”
ด้วยความสามารถในการการเตรียมพร้อมและคาดการณ์สถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เทคโนโลยีอย่าง AI จึงมีบทบาทหน้าที่สำคัญในเทรนด์ธุรกิจปี 2025 แต่การสร้างระบบภายในองค์กรเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ก็มีบทบาทไม่แพ้กัน ซึ่งไม่มีใครรู้ได้ว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิด อย่างสถานการณ์โรคระบาด Covid19 จะเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวอีกเมื่อไหร่ แต่เชื่อว่าทุกองค์กรจะสามารถเรียนรู้จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ จะมีความตื่นตัว และเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาเมื่อเข้าสู่ปี 2025 จะเห็นได้ชัดมากขึ้นว่า ธุรกิจต่างๆ เริ่มมีการเตรียมความพร้อมที่จะปรับตัว และยืดหยุ่นให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ๆ และภูมิทัศน์ใหม่ๆ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และไม่สามารถคาดการณ์ได้ โดยการนำ AI เข้ามาใช้ประโยชน์ในธุรกิจ หรือเอา AI เข้ามามีส่วนร่วมกับธุรกิจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดการระบบภายในองค์กร และการเก็บ Data ของลูกค้า และประสบการณ์ของลูกค้าโดยใช้ AI
อย่างไรก็ตาม การเตรียมพร้อมและคาดการณ์สถานการณ์ที่ไม่คาดคิดในเศรฐกิจ และการสร้างความยืดหยุ่นในองค์กร จะทำให้บริษัทต่างๆ สามารถวางตำแหน่งตัวเองอย่างดี ไม่ใช่แค่เพียงเอาตัวรอด แต่ยังสามารถเติบโตในปีต่อไปได้อย่างดีอีกด้วย
สนใจปรึกษาเรื่องการตลาดออนไลน์กับทีมผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อทีมงาน ForeToday ได้ตาม contact ทางด้านล่างได้เลย!
Line@ : bit.ly/ForeToday
FB Chat : http://m.me/foretoday
อ่านบทความอื่น ๆ ของเราเพิ่มเติม: https://foretoday.asia/articles/
“A better tomorrow starts today”