ผมเชื่อว่านักการตลาดทุกคนต้องเคยเห็นโฆษณาของเราที่ขึ้นว่า Ad Learning limited กันมาบ้าง แถมยังมีคําเตือน! จากตัว Facebook อีกว่าตัวเเคมเปญของคุณนั้นถูกใช้งบประมาณอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
และคุณก็ไม่มั่นใจที่จะตัดสินใจว่าควรปิดมันหรือไม่?
วันนี้ผมจะขอเสนอวิธีการจัดการและตัดสินใจเวลาเราเจอ Learning limited กัน
“การเรียนรู้ที่จํากัด (Learning limited)” คืออะไร?
ตัว Learning limited คือคําเตือนตอนที่ตัวระบบของ Facebook คิดว่าเรานั้นไม่สามารถทําให้ตัวโฆษณาของเราได้ผลลัพธ์ที่เพียงพอที่จะออกจาก Learning phrase หรือ ช่วงการเรียนรู้ของตัวโฆษณา และ ตัว
โฆษณาของเรานั้นอาจจะใช้เงินและสร้างผลลัพธ์อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
ซึ่งจริงๆแล้วสิ่งที่ทาง Facebook นั้นแนะนําจริงๆคือต้องการให้ตัวโฆษณา 1 เเคมเปญมีผลลัพธ์(Result) สูงถึง 50 ครั้งต่ออาทิตย์
ซึ่งผมก็เชื่อว่าหลายๆคนก็คงคิดว่า Conversion campaign หรือ Message เเคมเปญที่ตัวเองรันอยู่นั้นได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ แต่อย่าพึ่งตกใจไป วันนี้เรามีวิธีการเเก้ไข
วิธีการเเก้ไขเมื่อเจอ การเรียนรู้ที่จํากัด (Learning limited)
1. ต้องถามตัวเองก่อนว่า Campaign หรือ Ad set นั้นเราพึ่งจะ set up มันขึ้นไปรึป่าว
เพราะถ้าเราพึ่งจะ set up มันขึ้นไปอาจจะมาจากเเคมเปญที่รันอยู่เเล้ว แต่เราเพิ่ม Ad set เข้าไปการเกิดขึ้นของ Learning limited นั้นเป็นเรื่องปกติ ให้ละความสนใจจากมันไปก่อนประมาณ 2-3 วันและค่อยมารีวิวอีกครั้ง
2.การเปลี่ยน เป้าหมาย(Objective) ของเเคมเปญอาจจะไม่ได้ช่วยให้มันดีขึ้น
เช่น ถ้าเราใช้ Conversion campaign และ เปลี่ยนมาเป็น Traffic campaign ยังไงตัว Cost per result ก็ไม่ลดลงมาอย่างแน่นอน เราจะต้องวิเคราะห์ตัวเเคมเปญจากผลลัพธ์(Result) และค่าใช้จ่ายต่อผลลัพธ์(Cost per result) เท่านั้น และสมมุติว่าตัวเเคมเปญนั้นๆ เราได้ผลลัพธ์ที่เป็นที่น่าพึงพอใจอยู่แล้วเช่น กําไรอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ หรือ ถึง Kpi อยู่เเล้ว การเปลี่ยน objective ก็มักจะทําให้เราได้ Cost per result ที่เเพงขึ้น
3. เพิ่มขนาดกลุ่มเป้าหมาย (Audience Size)
ข้อนี้เป็นส่วนที่ทาง Facebook ก็แนะนําเช่นกัน เพราะว่าถ้าเรามีขนาดกลุ่มเป้าหมายที่เล็กและไม่เหมาะสมกับเป้าหมายของเรามากจนเกินไปตัว Machine Learing ก็จะทํางานได้ไม่ดีพอ
เราสามารถเปลี่ยนเป้าหมายได้อย่างเช่น เพิ่มขนาดของ Look alike audience จาก 1% ไปเป็น 4-5%
หรือเราอาจจะเอา Audience จาก Ad set ของเรา 2 อันมารวมกันก็ได้เช่นกัน
4.เพิ่มงบประมาณของโฆษณา (Budget)
ข้อนี้ก็เป็นส่วนที่ Facebook แนะนําเช่นกัน แล้วงบโฆษณาควรเป็นเท่าไหร่? ทางผมคิดว่าตัวงบโฆษณานั้นควรที่จะเป็น 3 เท่าขึ้นไปของ cost per result ของเรา เพื่อที่ตัวเเคมเปญนั้นสามารถทําการประมวลผลได้ดี และมีงบประมาณเพียงพอที่จะได้ result กลับมาอย่างน้อยๆ 3 ครั้งต่อ 1 วัน
สรุป
เราก็อยากจะฝากไว้ว่าเมื่อเห็นคําเตือนตัว Learning limited ของ Facebook พร้อมกับเขียนว่าต้องการ 50 results ต่ออาทิตย์ขึ้นมานั้นก็อย่าพึ่งตกใจ ลองไล่ตามทั้ง 4 ข้อที่เราเขียนมาและวิเคราะห์ตัวเเคมเปญของคุณก่อน และจากประสพการณ์ของผมตัว เเคมเปญนั้นถ้ามันมี result ประมาณ 10 หรือมากกว่า 20 ต่ออาทิตย์นั้นมันก็จะทํางานได้ค่อนค้างดีเเล้วครับ
สุดท้ายนี้ถ้าหาต้องการทีมงานมืออาชีพมาช่วยให้ธุรกิจของคุณเติมโตและทําโฆษณาให้กับธุรกิจของคุณด้วย data-driven marketing ก็สามารถติดต่อเราตามข้อมูลต่างล่างได้เลยครับ
Line@: bit.ly/ForeToday
FB Chat: http://m.me/foretoday
“A better tomorrow starts today “#Foretoday#digitalagency#marketing#PerformanceMarketing