ทุกคนคงจะคุ้นเคยกับภาพและสัญลักษณ์เกี่ยวกับสัตว์ต่าง ๆ ที่อยู่บนแบรนด์หลากหลายแบรนด์ในชีวิตประจำวัน แต่อาจไม่รู้ว่าเบื้องหลังแล้ว การนำอัตลักษณ์ของสัตว์เหล่านั้นมาประกอบแบรนด์ ช่วยส่งเสริมในด้านการตลาดด้วย วันนี้ทางเราจึงขอแนะนำให้รู้จักกับ Animal Marketing ว่าคืออะไร และช่วยส่งเสริมแบรนด์ได้อย่างไร พร้อมแล้ว ไปดูกัน!
Animal Marketing คืออะไร?
การสื่อสารทางการตลาดสัตว์เลี้ยง คือ กลยุทธ์อย่างหนึ่งที่นักการตลาดนำเอาสัตว์ต่าง ๆ เข้ามาเป็นอัตลักษณ์ส่วนหนึ่งของแบรนด์เพื่อสื่อ “ความเป็นตัวตน” หรือ “สร้างความทรงจำ” ให้กับแบรนด์ รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มบางอย่างเป็นพิเศษอีกด้วย โดยการนำมาใช้ มีได้หลากหลายรูปแบบมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น โลโก้แบรนด์ แมสคอต หรือ โฆษณา
แล้วทำไมถึงน่าดึงดูดใจกับผู้ชม?
เพราะธรรมชาติของมนุษย์มีความรักสัตว์อยู่ในตัวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น สัตว์เลี้ยง หรือสัตว์ป่า เราก็จะให้ความสนใจเช่นกัน จากการวิจัยพบว่าการตลาดที่ออกมาเล่นกับความรู้สึกผู้บริโภค มีประสิทธิภาพมากกว่าการตลาดปกติ เช่น 70% ของลูกค้าที่มีประสบการณ์ หรือมีการตอบสนองต่อโฆษณา มีแนวโน้มที่จะทำการซื้อ แบรนด์นั้น ๆ หรือ กว่า 71% ของผู้เลือกซื้อ ที่มีความสัมพันธ์หรือมีอารมณ์ร่วมกับแบรนด์นั้น ๆ มีแนวโน้มที่จะแนะนำสินค้าหรือบริการให้กับผู้อื่นต่อ ดังนั้นหลังจากผู้บริโภคเห็นโลโก้สัตว์ของแต่ละแบรนด์แล้ว ทำให้พวกเขาจดจำแบรนด์ของเราและสร้างความแตกต่างกับแบรนด์คู่แข่ง รวมไปถึงดึงดูดและนำไปสู่การตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
ประโยชน์จากการใช้สัตว์เป็นโลโก้แบรนด์ในการทำการตลาด
- สร้างภาพจำให้แบรนด์ การที่เราใช้สัตว์เป็นสัญลักษณ์หรือโลโก้ของแบรนด์นั้น จะช่วยทำให้ผู้บริโภคนึกถึงธุรกิจของเราได้ทันที ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราเห็นโลโก้แบรนด์รูปจระข้ แบรนด์ที่เรานึกถึงอันดับต้น ๆ ก็ต้องเป็น Lacoste อย่างแน่นอน
- สร้างภาพลักษณ์และคอนเทนต์ให้ต่างจากแบรนด์อื่น การที่เราจะเริ่มสร้างภาพลัษณ์และคอนเทนต์ให้ต่างจากแบรนด์อื่น ๆ นั้น เราต้องหาจุดแข็งของแบรนด์และนำจุดแข็งตรงนั้นมาพัฒนาเป็นโลโก้โดยใช้สัตว์เป็นตัวแทนของแบรนด์
- ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจตรงกันง่ายขึ้น นอกจากจะดึงจุดแข็งของแบรนด์เพื่อนำมาพัฒนาเป็นโลโก้แล้ว ธุรกิจสามารถเลือกสัตว์ที่มีความหมายแฝงเพื่อสื่อถึงแบรนด์ของตัวเองก็ย่อมได้ ยกตัวอย่างเช่น เวเบอร์ กาวซีเมนต์ปูกระเบื้องตราตุ๊กแก แบรนด์ได้ดึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ในด้านของความติดทนออกมา และได้ใช้ตุ๊กแกที่ขึ้นชื่อเรื่องความเกาะติดนั้นมาเป็นสัญลัญษณ์ของแบรนด์นั่นเอง
- สร้างปฏิสัมพันธ์ให้กับลูกค้า หลังจากที่แบรนด์นำสิ่งมีชีวิตอย่างสัตว์มาเป็นโลโก้แล้ว จะเห็นว่าหลายๆแบรนด์ นำสัตว์ที่เป็นโลโก้ไปทำเป็นแมสคอต และได้นำแมสคอตมาใช้ในด้านของการโปรโมท หรือแม้แต่ใช้เป็นแอดมินในการตอบแชท ยกตัวอย่างเช่น Bar B Q Plaza ได้ใช้มังกรเป็นโลโก้ของแบรนด์ และได้นำมังกรที่ดูเป็นสัตว์ดุร้ายมาเพิ่มความน่ารักลงไป จนกลายเป็นแมสคอตที่ใช้แทนการสื่อสารของแบรนด์ ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงแบรนด์ได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้ Animal marketing
มีแบรนด์มากมายที่นำสัตว์มาใช้ในการสื่อสารทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ของอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ต่าง ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งโครงการบ้านและคอนโดมิเนียม ก็ยังหยิบมาใช้กัน ตัวอย่างเช่น
- สบู่นกแก้ว
ที่ใช้สัตว์อย่างนกแก้วมาเป็นอัตลักษณ์ให้กับตัวแบรนด์ เกิดจากความที่เจ้าของแบรนด์ชอบเดินป่า และชื่นชมความงามของป่าไม้ พรรณไม้ต่าง ๆ รวมถึงประทับใจความงามของนกแก้วมาก อย่างนกแก้วก็จะสื่อสารถึงความสดใส ส่วนป่าไม้ สื่อถึงกลิ่นหอม และ ความธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้ จึงได้เกิดแบรนด์ อย่าง สบู่นกแก้วขึ้นมา นั่นเอง
- WWF หรือ World Wildlife Fund
องค์กรระดับโลกที่พิทักษ์สัตว์ใกล้สูญพันธ์ุ และโปรโมทการอยู่อย่างยั่งยื่นของนานาสัตว์ ก็ได้เลือกใช้ “แพนด้า” เป็นสัญลักษณ์ประจำองค์กร และ สำหรับ สื่อสารไปยังช่องทางต่าง ๆ ด้วยความที่แพนด้านั่น เป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธ์ุ ที่ต้องเร่งในการคุ้มครองอย่างด่วน อีกทั้งยังมีภาพลักษณ์ที่ น่ารัก น่าเอ็นดู เข้ากับคนได้ง่าย จึงเป็นที่มาขององค์กรนี้นั่นเอง
- แป้งเย็นตรางู
แบรนด์ที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน พอนึกถึงแป้งเย็น ใคร ๆ ก็นึกถึงแป้งตรางู แต่ที่มาของแบรนด์ที่ มีโลโก้งูที่ลูกศรปักบนหัวงู เนี่ย เพราะ “งู” เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึง “โรคภัยไข้เจ็บ” และลูกศรที่ปักบนหัวงู สื่อถึง “การกำจัดหรือฆ่าโรคภัยไข้เจ็บนั้น ๆ ” จึงเป็นที่มาหรือความเชื่อของการรักษาโรคภัยเจ็บในสมัยก่อน นั่นเอง
สรุป
Animal Marketing เป็นการตลาดที่นำอัตลักษณ์ของสัตว์มาใช้ในแบรนด์ โดยช่วยส่งเสริมในเรื่องของภาพลักษณ์ ทำให้ลูกค้ามีความเข้าใจในธุรกิจ จุดประสงค์และคุณสมบัติของแบรนด์ได้มากขึ้น และเกิดภาพจำเกี่ยวกับสินค้าได้ดียิ่งขึ้น
Line@: bit.ly/ForeToday
FB Chat: http://m.me/foretoday
“A better tomorrow starts today”