5 Health Trends : Whole Food & Plant-Based จากแฟชั่นกลายเป็นแนวปฏิบัติระยะยาว
เทรนด์สุขภาพที่เห็นชัดที่สุดในช่วงหลังคือแนวทาง Whole Food และ Plant-Based หรือการกินอาหารจากพืชที่ไม่ผ่านการแปรรูปมาก โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนจากพืช เช่น ถั่วเหลือง เต้าหู้ หรือถั่วเลนทิล ซึ่งเริ่มจากความนิยมของกลุ่มคนรักสุขภาพ นักกีฬา และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ จนขยายตัวกลายเป็นรูปแบบการกินที่แพร่หลายถึงระดับ mass หรือ mainstream ในสังคม สื่อและอินฟลูเอนเซอร์ด้านสุขภาพมีบทบาทสำคัญในการผลักดันแนวทางนี้ให้เป็นที่รู้จัก ผ่านการแชร์เมนูอาหาร รีวิวสินค้าทางเลือก เช่น Plant-Based Burger, Almond Milk หรือ Oat Milk ที่ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Table of Contents
Toggleงานวิจัยจาก Harvard School of Public Health พบว่า คนที่ทานอาหารจากพืชที่ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป มีความเสี่ยงลดลงในการเป็นโรคหัวใจ ความดัน และเบาหวาน (อ้างอิง: https://www.hsph.harvard.edu/nutritionsource/healthy-eating-plate/)
ผลกระทบของแนวโน้มนี้ทำให้หลายแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มเริ่มปรับตัวอย่างจริงจัง เช่น Café ที่เพิ่มเมนู Plant-Based เข้าไปในเมนูหลัก หรือซูเปอร์มาร์เก็ตที่จัดโซนผลิตภัณฑ์จากพืชโดยเฉพาะ ในขณะที่ผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ก็เริ่มพัฒนาสินค้ากลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง เช่น Burger King กับ Impossible Whopper การบริโภค Whole Food & Plant-Based ไม่ใช่แค่กระแสแฟชั่นอีกต่อไป แต่กลายเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการดูแลสุขภาพแบบยั่งยืน พร้อมใส่ใจโลกและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
5 Health Trends : Supplement & Functional Food วิตามิน เครื่องดื่ม และอาหารเสริมพุ่งแรง
ในยุคที่เวลาเป็นทรัพยากรหายาก ผู้บริโภคยุคใหม่จึงหันมาพึ่งพาอาหารเสริมและ Functional Food อย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน วัยรุ่น ไปจนถึงผู้สูงอายุ อาหารเสริม เช่น วิตามินรวม น้ำมันปลา โปรไบโอติก หรือสมุนไพรอย่างขมิ้นและโสม ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันหรือบรรเทาอาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ รวมทั้งเสริมภูมิคุ้มกันและเพิ่มพลังงาน
ในขณะเดียวกัน Functional Food เช่น Kombucha, Yogurt, Plant-Based Protein Shake, Collagen Drink หรือ Energy Bar กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพ เพราะตอบโจทย์ทั้งเรื่องสารอาหารที่จำเป็น ความสะดวก และรสชาติที่ถูกใจ
ข้อมูลจาก Grand View Research ชี้ว่า ตลาดอาหารเสริมทั่วโลกจะมีมูลค่าถึง 230,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2027 (อ้างอิง: https://www.grandviewresearch.com/industry-analysis/dietary-supplements-market)
การเติบโตของตลาดนี้ยังสะท้อนในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในอีคอมเมิร์ซที่ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกลายเป็นหมวดสินค้าที่เติบโตเร็วที่สุด ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบ อ่านรีวิว และสั่งซื้อสินค้าที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตนได้อย่างง่ายดายผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล นอกจากนี้ การออกแบบผลิตภัณฑ์ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เช่น วิตามินแบบเคี้ยว เจลลี่รสผลไม้ เครื่องดื่มพร้อมดื่มที่สามารถดื่มแทนมื้อว่างในเวลาจำกัด ทั้งหมดนี้ทำให้ Functional Food ไม่ใช่เพียงของเสริม แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพในรูปแบบที่เหมาะกับยุคสมัย
5 Health Trends : Mental Wellness – เทรนด์ดูแลสุขภาพใจมาแรงเทียบเท่ากาย
หนึ่งในเทรนด์สุขภาพที่เติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คือ Mental Wellness หรือการดูแลสุขภาพจิต ซึ่งได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 ความเครียดจากการทำงาน ภาวะโดดเดี่ยวทางสังคม และปัญหาด้านจิตใจอื่น ๆ ที่หลายคนเผชิญแต่ไม่รู้จะเริ่มดูแลตัวเองจากตรงไหน ผู้บริโภคยุคใหม่เริ่มตระหนักว่า การนอนให้เพียงพอ มีสมาธิ การทำ Mindfulness หรือแม้แต่การพูดคุยกับนักจิตวิทยา ไม่ใช่เรื่องของคนมีปัญหาอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็น เช่นเดียวกับการออกกำลังกายหรือกินอาหารดี ๆ
เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากในด้านนี้ เช่น แอปพลิเคชันสำหรับนั่งสมาธิ (อย่าง Calm หรือ Headspace) คลิป ASMR หรือคอนเทนต์เพื่อการผ่อนคลายใน TikTok/YouTube และการบำบัดผ่านออนไลน์ที่เริ่มได้รับความเชื่อถือมากขึ้นจากทั้งผู้ใช้และผู้เชี่ยวชาญ Mental Wellness ยังมีผลต่อการเลือกซื้อสินค้า เช่น น้ำมันหอมระเหย เทียนกลิ่นบำบัด สมุด gratitude journal หรือช็อกโกแลตที่มีสารกระตุ้นโดพามีนต่ำ ซึ่งทั้งหมดนี้ตอบโจทย์ความต้องการใหม่ของผู้บริโภคที่ต้องการรักษาสมดุลระหว่างชีวิตและจิตใจ
หลายองค์กรเริ่มปรับกลยุทธ์ดูแลพนักงานโดยคำนึงถึงสุขภาพจิตเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการจัด Wellness Program ในองค์กร การให้สิทธิ์ลาเพื่อพักฟื้นทางจิตใจ หรือการสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญเทรนด์นี้ไม่เพียงแต่เปลี่ยนพฤติกรรมของบุคคล แต่ยังเปลี่ยนโครงสร้างความคิดของทั้งองค์กรและสังคม ว่า “สุขภาพใจ” คือส่วนสำคัญของคุณภาพชีวิตที่ไม่ควรถูกละเลยอีกต่อไป
5 Health Trends : Biohacking คนสนใจสิ่งเล็ก ๆ เช่น intermittent fasting, cold shower
Biohacking กลายเป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่ชอบทดลองสิ่งใหม่ ๆ กับร่างกายของตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย แต่เป็นวิธีการปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น Intermittent Fasting (การจำกัดเวลากินอาหารในแต่ละวัน), การอาบน้ำเย็นในตอนเช้า, การนอนตามจังหวะ circadian rhythm หรือการฝึกหายใจแบบ Wim Hof
สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงบ่อยบนโซเชียลมีเดีย เพราะเป็นการดูแลสุขภาพที่ต้นทุนต่ำแต่มีประสิทธิภาพสูง และยังให้ความรู้สึกว่าเรา “ควบคุมชีวิตตัวเองได้” ในโลกที่วุ่นวายและเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง แบรนด์สุขภาพและฟิตเนสเริ่มหยิบเอาแนวคิด Biohacking มาใช้กับสินค้าหรือคอร์สของตัวเอง เช่น คอร์ส Detox 3 วันแบบ Fasting-Friendly, การออกกำลังกายแบบ High Intensity พร้อม Breathwork หรือแม้แต่การจัด Sleep Retreat ที่เน้นการฟื้นฟูคุณภาพการนอน นอกจากนี้ เทรนด์ Biohacking ยังนำไปสู่การพัฒนาสินค้าระดับ High-End เช่น Wearable Device ที่ตรวจจับคลื่นสมอง วัดความลึกของการนอน ไปจนถึงสมาร์ตวอทช์ที่แนะนำเวลาเข้านอนตามชีวจังหวะของแต่ละคน Biohacking แบบเบา ๆ จึงไม่ใช่แค่กระแส แต่สะท้อนถึงวิธีคิดใหม่ของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ต้องการสุขภาพดีโดยอิงจากความเข้าใจตนเองและการปรับจูนชีวิตแบบค่อยเป็นค่อยไป
5 Health Trends : Well-aging ไม่ใช่ Anti-aging เปลี่ยนความคิดจาก ‘ย้อนวัย’ เป็น ‘อยู่กับวัยอย่างแข็งแรง’
เทรนด์สุขภาพในอดีตมักเน้นเรื่อง “Anti-aging” หรือการต่อต้านความชรา แต่ในปัจจุบัน เทรนด์ที่มาแรงกว่าคือแนวคิด “Well-aging” ซึ่งเปลี่ยนจากความพยายามจะย้อนวัย มาสู่การยอมรับและอยู่ร่วมกับวัยของตัวเองอย่างสมดุล แข็งแรง และมีความสุข
Well-aging ไม่ได้หมายถึงเพียงการไม่แก่ แต่คือการดูแลทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคมให้พร้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลงตามวัย เช่น การเลือกอาหารที่ดีต่อข้อและกระดูก การออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การฝึกสมาธิเพื่อเสริมความจำ และการสร้างเครือข่ายสังคมเพื่อลดความโดดเดี่ยวในวัยสูงอายุ สินค้าและบริการในกลุ่มนี้จึงปรับตัวจากแค่ “ลดริ้วรอย” มาเป็นการเสนอ “แนวทางชีวิตที่ยั่งยืน” เช่น เวชสำอางที่เน้นการฟื้นฟูผิวอย่างปลอดภัย อาหารเสริมสำหรับการดูแลข้อต่อ ดวงตา และสมอง หรือคลินิกสุขภาพที่เน้น Personalized Wellness สำหรับกลุ่มอายุ 50+ โดยเฉพาะ
องค์กรใหญ่ ๆ อย่าง AIA หรือ SCG ยังเริ่มทำแคมเปญ Well-aging เช่น การจัด Wellness Retreat ให้พนักงานวัยเกษียณหรือแอปติดตามสุขภาพสำหรับวัย 60+ ที่แนะนำการออกกำลังกายเบา ๆ และเมนูอาหารตามช่วงวัยนอกจากนี้ สื่อโซเชียลมีเดียยังมีบทบาทสำคัญ เช่น บล็อกเกอร์สูงวัยที่แชร์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นอายุ 50+ ให้กลายเป็นไอคอนด้านสุขภาพ เช่น “Grandfluencer” อย่าง Lyn Slater หรือ Baddie Winkle ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ทั้งคนรุ่นใหม่และคนวัยเกษียณ แนวคิด Well-aging จึงเป็นมากกว่าการดูแลร่างกาย แต่คือการเปลี่ยนมุมมองต่อความแก่ — จากสิ่งที่ต้องต่อสู้ มาเป็นสิ่งที่ควรเข้าใจและใช้ชีวิตอย่างเต็มศักยภาพในทุกช่วงวัย
สรุป
5 Health Trends ได้แก่ Whole Food & Plant-Based, Supplement & Functional Food, Mental Wellness, Biohacking แบบเบา ๆ และ Well-aging กำลังเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่อย่างชัดเจน ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพแบบองค์รวมทั้งร่างกายและจิตใจมากขึ้น โดยเลือกบริโภคอาหารและผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงดูแลสุขภาพใจด้วยวิธีต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง แนวคิด Well-aging ยังช่วยเปลี่ยนมุมมองเรื่องความแก่ ให้กลายเป็นการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพในทุกช่วงวัย ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า “เทรนด์สุขภาพ” ไม่ใช่แค่แฟชั่นชั่วคราว แต่เป็นพฤติกรรมและวิถีชีวิตใหม่ของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง ถ้าต้องการความช่วยเหลือด้านการตลาดดิจิทัลหรือบริการ SEO เพื่อโปรโมทสินค้าและบริการเกี่ยวกับเทรนด์สุขภาพ ForeToday พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนธุรกิจของคุณอย่างมืออาชีพ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://foretoday.asia/