อนาคตของ Brand Ambassador กับ Brand Presenter กับบทบาทในการทำการตลาด

อนาคตของ Brand Ambassador กับ Brand Presenter กับบทบาทในการทำการตลาด

ในโลกที่การตลาดมีการเปลี่ยนแปลง-พัฒนาและมีพลวัตทางสังคม ซึ่งรวมถึงผู้มีอิทธิพลต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระตุ้นความต้องการ หรือ Demand ในการซื้อของเราตลอดเวลาทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อนๆเคยสงสัยมั้ยว่าบุคคลต่างๆที่เราเห็นในสื่อต่างๆในชีวิตประจำวันทั้งในออนไลน์และออฟไลน์เป็นใคร? พวกเขามีบทบาทอย่างไรในการตลาดในปัจจุบันนี้ และในอนาคตจะเป็นอย่างไร โดยหนึ่งในสื่อโฆษณาทั้งหลายเหล่านั้นมี2ประเภทที่เราจะหยิบยกมาในวันนี้คือBrand Ambassador และ Brand Presenter ซึ่งทั้ง2อย่างนี้คืออะไร ต่างกันอย่างไร และแบบไหนดีกว่ากัน ในบทความนี้เรามีคำตอบครับ 

Brand Ambassador และ Brand Presenter คืออะไร

Brand Ambassador คือบุคคล ซึ่งมักเป็นผู้มีชื่อเสียง ผู้มีอิทธิพล หรือผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่สะท้อนค่านิยม วัฒนธรรม และเอกลักษณ์ของแบรนด์ พวกเขาสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับแบรนด์ โดยสนับสนุนผลิตภัณฑ์หรือบริการผ่านช่องทางต่างๆ บุคคลที่เป็น Brand Ambassador จะผสมผสานความเป็นแบรนด์เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตนเอง โดยมีส่วนร่วมกับผู้ชมเพื่อสร้างความไว้วางใจ ความภักดี และสร้างอารมณ์ความรู้สึกร่วม

ในทางตรงกันข้าม Brand Presenter มักจะอยู่ในบริบทของกิจกรรม การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ หรือแคมเปญส่งเสริมการขาย แม้ว่าจะไม่ได้สร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวแบบ Ambassador แต่ Presenter ก็เก่งในการนำเสนอเนื้อหาที่ตรงเป้าหมายและโน้มน้าวใจเพื่อดึงดูดผู้ชมและดำเนินการได้ทันที

ข้อได้เปรียบ-เสียเปรียบของBrand Ambassador และ Brand Presenter 

Brand Ambassador มีข้อได้เปรียบได้แก่:

ความถูกต้องและเชื่อถือได้: Brand Ambassadors สร้างความสัมพันธ์กับผู้ชม ส่งเสริมความไว้วางใจและความเชื่อถือในแบรนด์

การสนับสนุนในระยะยาว: การเชื่อมโยงอย่างต่อเนื่องของ Brand Ambassador ช่วยส่งเสริมข้อความและคุณค่าของแบรนด์ที่ต้องการสื่อออกมาอย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา ทำให้เกิดการจดจำและนึกถึง

การมีส่วนร่วมทางอารมณ์: Brand Ambassador กระตุ้นการตอบสนองทางอารมณ์ สะท้อนความรู้สึกของผู้บริโภค และเป็นการส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม Brand Ambassador ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน เช่น:

ต้นทุนที่สูง: การรักษาและสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง Brand Ambassador อาจใช้เวลานานและมีราคาแพง

ความเสี่ยงของตัวบุคคล: การกระทำหรือคำพูดของ Brand Ambassador อาจสะท้อนถึงแบรนด์ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านชื่อเสียงในกรณีที่มีข้อโต้แย้ง

Brand Presenter มีข้อได้เปรียบที่แตกต่างกัน ได้แก่:

เกิดผลกระทบทันที: Presenter ส่งข้อความที่ตรงเป้าหมายด้วยความชัดเจนและโน้มน้าวใจ กระตุ้นให้ผู้ชมมีส่วนร่วมและเกิดความสนใจได้ทันที

ความยืดหยุ่น: สามารถจ้าง Presenter สำหรับกิจกรรมหรือแคมเปญเฉพาะได้ โดยให้ความยืดหยุ่นในการจัดสรรทรัพยากรและกลยุทธ์การตลาด

แต่ Brand Presenter ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน เช่น

ระยะเวลาทีจำกัด: ผลกระทบของ Presenter อาจอยู่ได้ไม่นาน ขาดสายสัมพันธ์และการสนับสนุนที่ยั่งยืน

ขาดความน่าเชื่อถือ: หากไม่มีการเชื่อมโยงกับแบรนด์ Presenter อาจประสบปัญหาในการถ่ายทอดความจริงใจและความน่าเชื่อถือในข้อความของที่ต้องการสื่อสารออกมา

Brand Ambassador และ Brand Presenter ช่วยโปรโมทสินค้าด้วยวิธีใดบ้าง? 

การจะเลือกใช้ Brand Ambassador และ Brand Presenter จำเป็นต้องใช้แนวทางที่ประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของแบรนด์ กลุ่มเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ทางการตลาดที่แตกต่างกันโดย:

Brand Ambassador: มีแนวทางเป็นลักษณะสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคที่สอดคล้องกับแบรนด์ แบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัว และโต้ตอบกับผู้ติดตามบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ปลูกฝังความสัมพันธ์การทำงานร่วมกันที่ส่งเสริมความไว้วางใจ ความโปร่งใส โดยมีลักษณะที่มีเงื่อนไขมากกว่าแบบBrand Presenterเช่น ควรเลือกคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นั้นๆอย่างยาวนานกว่ามาเป็นBrand Ambassador

Brand Presenter: ในการเลือกใครซักคนมาเป็นBrand Presenter เราสามารถเลือกคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในขณะนั้นๆมา โดยไม่ต้องสะท้อนความเป็นตัวตนที่ใกล้ชิดกับความเป็นแบรนด์เท่าBrand Ambassador โดยรูปแบบการนำเสนอสินค้าอาจจะเป็น งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ หรือแคมเปญการตลาด ให้การฝึกอบรมที่ครอบคลุมแก่ Presenter เกี่ยวกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์หรือบริการ  

อนาคตของBrand Ambassador และ Brand Presenter 

ในอนาคตการนำเสนอแบรนด์โดยใช้ Brand Ambassador และ Brand Presenter จะมีประสิทธิภาพและผลกระทบต่อผู้บริโภคมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด ทำให้การทำงานร่วมกัน (collaboration) ของอินฟลูเอนเซอร์ Brand Ambassador และ Brand Presenter กลายเป็นสิ่งที่สามารถกำหนดทิศทางของการตลาดของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

แน่นอนว่าทั้ง Brand Ambassador และ Brand Presenter จะมีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต แม้ว่าทั้งสองอย่างจะมีบทบาทที่แตกต่างกัน แต่ก็สามารถสร้าง Social Impact ที่มีมูลค่ามหาศาลให้กับแบรนด์อย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะหากคน ๆ นั้นเป็นบุคคลมีชื่อเสียงอย่างมากในอุตสหากรรมนั้น ๆ ก็จะสามารถสร้าง Social Impact ได้กว้างมากขึ้นไปอีก

ซึ่งแบรนด์ขนาดใหญ่ ๆ เอง มักจะเลือก Brand Ambassador ที่สามารถสะท้อนตัวตนของแบรนด์ได้ชัดเจน (brand identity) สร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเพิ่มคุณค่าของแบรนด์ (brand value) เพื่อสร้างความเชื่อใจและความภักดีต่อแบรนด์ (brand loyalty) ต่อผู้บริโภคในระยะยาว (Brand Ambassador เปรียบเสมือนทูตหรือตัวแทนของแบรนด์)
ส่วนแบรนด์ขนาดเล็ก-กลาง จะเลือกใช้ Brand Presenter หรือ Influencer เป็นหลัก เพราะสามารถสื่อสารข้อมูลเฉพาะกลุ่มได้ดีกว่า เช่น นำเสนอให้ผู้บริโภคได้ทราบว่าแบรนด์ขายอะไร สินค้ามีจุดเด่นอะไรมากกว่านำเสนอคุณค่าของแบรนด์ เป็นต้น (Brand Presenter เปรียบเสมือนตัวแทนของสินค้าในแบรนด์) 

สรุป

โดยสรุป การเป็น Brand Ambassador และ Brand Presenter เป็นแนวทางที่แตกต่างแต่ส่งเสริมกันในการตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งการทำความเข้าใจในคุณลักษณะ การใช้งาน ประโยชน์ และข้อจำกัดที่เป็นเอกลักษณ์เหล่านี้ ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างกลยุทธ์การตลาดแบบองค์รวมที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสร้างความภักดีให้แบรนด์และธุรกิจต่างๆ สามารถรับมือกับความท้าทาย คว้าโอกาส และยกระดับการปรากฏตัวของแบรนด์ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้น โดยการเปิดรับภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปของการตลาดแบบมีอิทธิพล