การตลาดแบบ Collaboration: กลยุทธ์สร้างความสำเร็จในยุคดิจิทัล

ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หนึ่งในกลยุทธ์ที่กำลังได้รับความนิยมคือ “การตลาดแบบ Collaboration” หรือการตลาดแบบร่วมมือ ซึ่งเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างแบรนด์ต่างๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการแข่งขันและขยายฐานลูกค้า

การตลาดแบบ Collaboration คืออะไร

Collaboration Marketing หรือที่หลายคนเรียกกันว่า Collab Marketing คือกลยุทธ์การตลาดที่สองแบรนด์หรือมากกว่านั้นร่วมมือกันในการพัฒนาและโปรโมทผลิตภัณฑ์หรือบริการ โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการเพิ่มยอดขาย ขยายฐานลูกค้า และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า โดยได้ผลประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย (Win-Win Situation) ซึ่งปกติแล้วจะมีจุดเริ่มต้นจากการที่ธุรกิจมีความสนใจสร้างพาร์ทเนอร์กับธุรกิจหนึ่ง ซึ่งรูปแบบในการสร้างพาร์ทเนอร์มีหลายแบบด้วยกัน ได้แก่

  • การแบ่งปันกลุ่มตลาดเป้าหมาย (Shared Target Market)
  • ความเหมือนกันของลักษณะกลุ่มผู้ซื้อสินค้า (Buyer Personas)
  • การผสมผสานอัตลักษณ์ของแบรนด์ (Complimentary Brand Identity)
  • มีเป้าหมายทางการตลาดที่เหมือนกัน (Similar Marketing Goals)
  • เสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ (Brand Image)

ประโยชน์ของการตลาดแบบ Collaboration

ขยายฐานลูกค้าใหม่ : การร่วมมือกันทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าของอีกฝ่ายได้ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าของแต่ละแบรนด์นั่นเอง เพิ่มโอกาสในการขายและสร้างความรู้จักให้กับแบรนด์ของตนเอง

ลดต้นทุนในการทำการตลาด : การทำงานร่วมกันช่วยให้แบรนด์สามารถแบ่งปันทรัพยากร เช่น ความรู้ ความชำนาญ และทรัพยากรทางการเงิน ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาด

การสร้างความน่าเชื่อถือ : การร่วมมือกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือสูงจะช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการมากขึ้น

แบรนด์อยู่ในกระแสและเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง : การร่วมมือกับแบรนด์ที่กำลังอยู่ในกระแส มักจะทำให้เกิดความน่าสนใจ น่าติดตามและพูดคุยเกี่ยวกับแคมเปญดังกล่าว โดยกระแสเหล่านี้จะช่วยให้เกิดการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) และการมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ (Brand Engagement) ในวงกว้างอีกด้วย

ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูทันสมัยขึ้น : การแลกเปลี่ยนความคิดและไอเดียระหว่างแบรนด์สามารถนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า

4 ขั้นตอนการทำ Collaboration Marketing ให้ได้ผล

  • การมีเป้าหมายทางการตลาดที่ชัดเจน: กำหนดวัตถุประสงค์ของแคมเปญให้ชัดเจน เช่น ยอดขาย การขยายฐานลูกค้า การสร้างการรับรู้ หรือการปรับภาพลักษณ์แบรนด์
  • เลือกแบรนด์พาร์ทเนอร์ที่ใช่: ควรเลือกแบรนด์ที่มีเป้าหมายในการตลาดเหมือนกันและมีภาพลักษณ์ที่ตรงกัน เพื่อให้แคมเปญประสบความสำเร็จ
  • วางแผนแคมเปญอย่างรอบคอบ: ควรวางแผนแคมเปญให้ครอบคลุมถึงปัจจัยต่างๆ เช่น กลุ่มเป้าหมาย วัตถุประสงค์ งบประมาณ ระยะเวลา และการสื่อสาร
    • งบประมาณ : กำหนดงบประมาณสำหรับแคมเปญให้เหมาะสมกับทรัพยากรที่มีอยู่
    • ระยะเวลา : กำหนดระยะเวลาของแคมเปญให้เหมาะสมกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
    • การสื่อสาร : แวางแผนการสื่อสารแคมเปญอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด
  • วัดผลความสำเร็จ: ควรมีตัวชี้วัดที่ชัดเจน เช่น ยอดขาย ยอดติดตาม จำนวนการมีส่วนร่วมกับแคมเปญ หรือ การรับรู้แบรนด์ เพื่อใช้ติดตามและปรับปรุงต่อไปในอนาคตได้

ตัวอย่างการ Collaboration

Popmart Collab กับศิลปินและแบรนด์ดังมากมาย อาทิ Disney, Powerpuff girl, Warner Bros, Sanrio, KFC และอีกมากมาย ทำให้เกิดสินค้าใหม่และดึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆที่มีความชื่นชอบในแบรนด์ต่างๆ

น้ำดื่มสิงห์ ที่มีการ collab กับ แคร์แบร์ (Care Bears) ใช้แคมเปญ“ส่งต่อความสดใส ด้วยความสดชื่นที่ใช่” โดยมีการออกแบบฉลากให้แตกต่างกัน 7 แบบ สำหรับคนที่อยากสะสม เพื่อสร้าง Brand Engagement

Nike ร่วมมือกับ Apple ผลิต Apple Watch ที่มีสายรัดเป็นวัสดุ Sport Band และมีโลโก้ Nike เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรักสุขภาพที่ชอบออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังอาจทำให้คนที่ใช้ Apple Watch ในชีวิตประจำวันอยู่แล้วหันมาสนใจและเลือกผลิตภัณฑ์ของ Nike ในการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น โดยคนที่เป็นสาวก Nike ก็จะได้เปิดใจในการเลือก Apple Watch เข้ามาใช้ในการยกระดับประสบการณ์การออกกำลังกาย

สรุป

การตลาดแบบ Collaboration เป็นกลยุทธ์ที่สามารถสร้างความแข็งแกร่งและความสำเร็จให้กับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์ต่างๆ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า แต่ยังช่วยสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า การเลือกพันธมิตรที่เหมาะสมและการสื่อสารที่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การตลาดแบบ Collaboration ประสบความสำเร็จ

“A better tomorrow starts today”

Line@: bit.ly/ForeToday

FB Chat: http://m.me/foretoday

“A better tomorrow starts today “

#Digital #Marketing #digitalagency #Facebook #foretoday #marketing

SIGN UP TO FORETODAY'S NEWSLETTER

For exclusive digital news, tips & tricks, opportunities and announcement
- plus a few surprise!

ForeToday ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่นี่ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า