Customise Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorised as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

No cookies to display.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

No cookies to display.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

No cookies to display.

Performance cookies are used to understand and analyse the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

No cookies to display.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customised advertisements based on the pages you visited previously and to analyse the effectiveness of the ad campaigns.

No cookies to display.

content marketing

ทำ คอนเทนต์ มาร์เก็ตติง อย่างไรให้แมส”สัตว์”

ในยุคที่ Content Marketing กลายเป็นหัวใจสำคัญของการสื่อสารแบรนด์ ใครจะคิดว่าฮิปโปแคระตัวน้อยอย่าง “หมูเด้ง” จะกลายเป็นปรากฏการณ์ที่สั่นสะเทือนวงการการตลาดไปทั่วโลก?

จากสัตว์น่ารักในสวนสัตว์ธรรมดา “หมูเด้ง” ได้กลายเป็นดาราในโซเชียลระดับโลก สร้างกระแสไวรัลที่แพร่กระจายจากประเทศไทยไปสู่สายตาผู้ชมทั่วทุกมุมโลก จนเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของสวนสัตว์เขาเขียว เพราะจำนวนผู้เข้าชมสวนสัตว์พุ่งทะยาน และสวนสัตว์เขาเขียวถึงกับต้องเปิดช่องทางให้แฟนๆ ได้รับชมชีวิตของเจ้าหมูเด้งแบบ 24 ชั่วโมงผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ www.zoodio.live

แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์ Content Marketing ที่ทรงพลัง ความนิยมของหมูเด้งได้เปิดประตูโอกาสให้แบรนด์ต่างๆ ฉวยจังหวะนี้ในการสร้างสรรค์ Content Marketing ที่โดนใจ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เราจะพาคุณไปสำรวจลึกลงไปว่า ทำไมสัตว์น่ารักอย่างหมูเด้ง แมวน้อยขี้อ้อน หรือน้องหมาแสนซนถึงสามารถสร้างปรากฏการณ์ทางการตลาดได้อย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้? และที่สำคัญ เราจะเจาะลึกถึงวิธีการที่คุณสามารถนำพลังของสัตว์น้อยน่ารักเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในกลยุทธ์ Content Marketing ของคุณเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Content marketing คืออะไร???

Content marketing คือการสร้างการสื่อสารที่มีคุณค่าระหว่างแบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการนำเสนอเนื้อหาที่ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ แต่ยังสะท้อนเอกลักษณ์และความสร้างสรรค์ที่ทำให้คนรู้สึกตื่นเต้นและได้รับประโยชน์จากข้อมูลที่แบ่งปัน การทำ content marketing ไม่เพียงช่วยให้กลุ่มเป้าหมายประทับใจและจดจำแบรนด์ได้ แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนผู้สนใจให้กลายเป็นลูกค้าประจำได้อีกด้วย

ดังนั้นการทำ content marketing จึงมีบทบาทสำคัญในการขยายฐานลูกค้าและสร้างการเป็นที่รู้จักให้กับแบรนด์ ผ่านการสื่อสารที่สร้างสรรค์ ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปสำรวจกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จในการทำ content marketing พร้อมเผยเทคนิคและเคล็ดลับที่น่าสนใจที่แบรนด์สามารถนำไปปรับใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ!!!

ตัวอย่าง Case Study Content Marketing แบบปัง ๆ

1. น้องหมูเด้ง ฮิปโปโปเตมัสแคระแก้มแดงสุดน่ารัก!!

ถ้าพูดถึงสัตว์ที่แมสสุด ๆ ในนาทีนี้ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “หมูเด้ง” ฮิปโปแคระสุดฮอต แห่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี 

“น้องหมูเด้ง” เป็นลูกฮิปโปแคระเพศเมีย ที่เกิดในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี โดยทันทีที่เกิดมาก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นลูกของครอบครัวฮิปโปที่เป็นดาราโซเชียลอยู่แล้ว ในเพจ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคน และชื่อ “หมูเด้ง” ที่ได้รับการโหวตจากแฟน ๆ มากกว่า 20,000 โหวต ก็ทำให้ความนิยมของน้องหมูเด้งขยายตัวเป็นอย่างมาก ทั้งในรูปแบบของ Real-time Marketing และ Meme ต่าง ๆ ที่ถูกแชร์และส่งต่อในโลกโซเชียล

ความโด่งดังของ “น้องหมูเด้ง” ที่ตกหัวใจของใครหลายคนทั้งในไทยและต่างประเทศนั้นกลายเป็นที่จับตามองอย่างมาก จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ไวรัลที่น่าสนใจ และเป็นกรณีศึกษาสำคัญถึงพลังของการตลาดผ่านคอนเทนต์สัตว์น่ารัก ว่าเหตุใดคนถึงคลั่งไคล้ และเราสามารถนำความสำเร็จนี้ไปปรับใช้ในทางการตลาดได้อย่างไรบ้าง

“หมูเด้ง” ฮิปโปแคระสุดน่ารัก กับเส้นทางสู่ความโด่งดัง

ความดังของหมูเด้งไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเพียงแค่ความน่ารักของเจ้าตัวเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญจากคอนเทนต์ที่ “พี่เบนซ์” พี่เลี้ยงฮิปโปประจำสวนสัตว์เขาเขียว ช่วยสร้างและแชร์ลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ตั้งแต่คลิปวีดีโอน่ารัก ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงกิจวัตรประจำวันของหมูเด้ง การกิน การเล่นน้ำ หรือแม้แต่การวิ่งรอบสวนสัตว์ด้วยความสดใสเด้งดึ๋ง ทุกคอนเทนต์ถูกนำเสนออย่างเป็นธรรมชาติและน่ารัก ซึ่งการนำเสนอแบบนี้ไม่ใช่แค่เพิ่มความสนุกสนานให้กับผู้ชม แต่ยังสร้างความผูกพันและความประทับใจที่ยั่งยืนกับสัตว์และสวนสัตว์ จนผู้ชมทั่วโลกต่างก็อดใจไม่ไหวที่จะกดไลก์ กดแชร์ และแชร์ความน่ารักนี้ต่อ ๆ กันไป ทำให้ชื่อเสียงของหมูเด้งดังขยายไปไกลถึงต่างประเทศ

นอกจากนี้พลังของชาวเน็ตไทยก็มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความไวรัลนี้ นอกจากกระแสในไทยแล้ว ยังมีแฟน ๆ จากประเทศจีน เกาหลี และญี่ปุ่น ที่ให้ความสนใจ “หมูเด้ง” เป็นอย่างมาก แฮชแท็ก #หมูเด้ง ซึ่งเป็นภาษาไทยยังได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติอย่างล้นหลาม แม้แต่สื่อดังอย่าง TIME ก็หยิบยกเรื่องของน้องหมูเด้งมานำเสนอ จึงไม่แปลกใจเลยที่หมูเด้งกลายเป็นไวรัลระดับโลก

การนำปรากฏการณ์ “หมูเด้ง” ไปประยุกต์ใช้ทางการตลาด

ปรากฏการณ์ของหมูเด้งแสดงให้เห็นว่าการตลาดที่สร้างสรรค์จากความน่ารักของสัตว์สามารถทำให้แบรนด์หรือผลิตภัณฑ์เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว การใช้สัตว์หรือสิ่งของที่มีความน่ารักเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคอนเทนต์นั้นสามารถนำไปปรับใช้ในหลากหลายธุรกิจ เช่น

  • การตลาดสินค้าเด็กหรือสัตว์เลี้ยง: การใช้สัตว์เลี้ยงหรือเด็กน่ารักในคอนเทนต์โฆษณา ช่วยให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันและสนใจในผลิตภัณฑ์มากขึ้น
  • การท่องเที่ยวหรือบริการ: การนำเสนอผ่านภาพหรือคลิปวิดีโอของสิ่งแวดล้อมหรือสัตว์ท้องถิ่นสุดน่ารัก เพื่อสร้างความใกล้ชิดและความอบอุ่นกับผู้ชม
  • สินค้าแบรนด์ที่เน้นความอ่อนโยน: เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับเด็ก ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับครอบครัว

2. นปโปะ น้องหมาคอร์กี้ ตัวอ้วนกลม สุดไวรัลล

“นปโปะ” ไม่ใช่แค่ชื่อของสุนัขพันธุ์คอร์กี้ตัวกลมน่ารัก แต่เป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมของการสร้าง content marketing ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม มาดูกันว่าทำไมนปโปะถึงสร้างกระแสไวรัลได้ และเราจะเรียนรู้อะไรจากปรากฏการณ์นี้ได้บ้าง

จุดเริ่มต้นของความแมส “น้องนปโปะ”

จุดเริ่มต้นของความนิยมนปโปะมาจากคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่แสดงให้เห็นพฤติกรรมแปลก ๆ ที่แสนจะน่ารักของเจ้าคอร์กี้ตัวอ้วน ซึ่งนปโปะจะไม่ยอมกินอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า จนกว่าจะได้ยินเพลง “นปโปะหม่ำๆ” ความน่ารักและความขี้อ้อนของนปโปะทำให้ผู้ชมหลงรักและแชร์คลิปต่อๆ กันไป จนมีการพัฒนามาเป็นเพลง “นปโปะหม่ำๆ” อย่างเต็มรูปแบบ โดยเพิ่มดนตรีและเสียงร้อง จนกลายเป็นเพลงฮิตติดหู และถูกนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ใช้เชียร์เพื่อนที่กินข้าวช้า ได้อีกด้วย

การนำปรากฏการณ์ “นปโปะ” ไปประยุกต์ใช้ทางการตลาด

  • เนื้อหาของนปโปะมีความน่ารักที่ดึงดูดอารมณ์คนดู ทำให้เกิดความรู้สึกเชิงบวก เช่น ความขำขันและความเอ็นดู ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ในการสร้างคอนเทนต์ของแบรนด์ได้ โดยมุ่งเน้นการสร้างเนื้อหาที่สื่อสารกับผู้ชมในลักษณะที่สามารถดึงอารมณ์ความรู้สึก เช่น คลิปขำขันสั้นๆ, Meme ที่มีเอกลักษณ์ หรือการใช้มาสคอต (Mascot) ของแบรนด์ที่มีความน่ารักและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อดึงดูดการมีส่วนร่วมและทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันกับแบรนด์ได้ง่ายขึ้น
  • จุดเด่นของเนื้อหาไวรัลนปโปะคือการใช้เสียงเพลงติดหูเป็นส่วนประกอบหลัก การนำแนวคิดนี้ไปใช้ใน content marketing สามารถสร้างเป็น เสียงจิงเกิล (Jingle) หรือ เพลงประกอบ ที่มีความโดดเด่นและจำได้ง่าย เพื่อให้ผู้ฟังสามารถจดจำแบรนด์ได้ทันทีเมื่อได้ยินเพลง

3. มาสคอต “น้องหมีเนย” สุดคิ้วตี้ พร้อมแจกความสดใส!!

มาร่วมสำรวจโลกของ “หมีที่ไม่ใช่หมี (ของแท้)” นี่คือเรื่องราวของ “น้องหมีเนย” จากร้านขนม “Butterbear” ที่กลายเป็นดาวเด่นในวงการ Content Marketing และ Branding ด้วยเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน ทำให้ผู้คนได้ใจฟูไปกับมาสคอสน้องมีเนยสุดน่ารัก ที่มีนิสัยร่าเริง แจ่มใส มอบความสุขและความสนุกสนานให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี ซึ่งน้องหมีเนยสุดน่ารักนี้ไม่เพียงแค่สร้างรอยยิ้มให้ผู้คน แต่ยังเป็นตัวแทนแห่งความสุขในช่วงวิกฤติการณ์โควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย

โดยทางเจ้าของร้านมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการทำให้หมีเนยกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสดใสและการหลีกหนีจากความเครียด โดยตั้งใจเจาะกลุ่มเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นเป้าหมายหลัก ด้วยกลยุทธ์การเล่าเรื่อง (Storytelling) ที่น่าติดตามและเชื่อมโยงทุกคนเข้ากับประสบการณ์ที่น่าจดจำ 

แล้วเคล็ดลับความสำเร็จของน้องหมีเนยคืออะไร? มาร่วมค้นหาความลับและแรงบันดาลใจที่ทำให้แบรนด์นี้โดดเด่นและประสบความสำเร็จในโลกแห่งการตลาดกัน!!!

จุดเริ่มต้นของความแมสของ “น้องหมีเนย” 

น้องหมีเนยได้สร้างความฮือฮาให้กับแฟนๆ เมื่อปรากฏตัวครั้งแรกที่หน้าร้านขนม Butterbear ด้วยความน่ารักและเอกลักษณ์ของมาสคอตที่ทำให้ดูเสมือนหมีน้อยที่มีชีวิต ด้วยท่าทางที่ขี้เล่นและออดอ้อน ทำให้ทุกคนต่างหลงใหลและประทับใจในน้องมีเนยกันเป็นจำนวนมาก นอกจากความน่ารักแล้ว น้องหมีเนยยังมีการเต้นดุ๊กดิ๊กสุดน่ารัก พร้อมกับซิงเกิลเพลงที่กำลังมาแรงในขณะนี้ ทำให้น้องกลายเป็นขวัญใจในโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว

การนำปรากฏการณ์ “น้องหมีเนย” ไปประยุกต์ใช้ทางการตลาด

  • เลือกรูปแบบคอนเทนต์ที่เหมาะสมและตรงกับกลุ่มเป้าหมาย : น้องหมีเนยถูกวงกลยุทธ์ให้เป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก ดังนั้นคาแรกเตอร์ที่ถูกสื่อสารออกมาจึงมีความน่ารัก สมวัย พร้อมช่วยเยียวยาจิตใจกลุ่มวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี
  • การทำ Storytelling : น้องหมีเนยได้มีการสร้าง Storytelling และนำเสนออย่างต่อเนื่องบนโซเชียลมีเดีย โดยเป็นการเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันของน้องหมีเนย เป็นฉากๆ สร้างความประทับใจให้กับผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก
  • มีวิธีแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด : แต่เดิมในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้หลายธุรกิจเกิดปัญหาเรื่องยอดขายเป็นจำนวนมาก ซึ่งการทำคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์อย่างการนำเสนอมาสคอตน้อยหมีเนย จึงเป็นไอเดียที่สร้างสรรค์ เพราะนอกจากจะเป็นการสื่อสารแบรนด์แล้ว ยังถือว่าเป็นการกระตุ้นยอดขายให้กับทางร้านได้ด้วยเช่นเดียวกัน

ไม่ว่าจะเป็นหมูเด้ง นปโปะ หรือหมีเนย ก็จะเห็นได้ว่าความน่ารักแบบสัตว์ ๆ ของน้อง ๆ เหล่านี้มีพลังมากในการทำให้ผู้คนหลงรักและจดจำได้อย่างดี และนี่คือจุดสำคัญของการทำ Content Marketing ที่โดนใจคน พอเราใช้สิ่งที่คนรัก สิ่งที่น่ารัก มาผสมผสานกับการเล่าเรื่องและความสร้างสรรค์ แบรนด์ก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย

สุดท้ายแล้ว ทุกคอนเทนต์ที่ทำออกมาควรใส่ความจริงใจ ความสนุกสนาน และต้องเข้าใจว่าไม่ใช่แค่การขายของ แต่คือการเชื่อมต่อความรู้สึกระหว่างแบรนด์กับผู้ชม ลองเอาเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ในแบรนด์ของคุณเอง แล้วคุณจะได้รู้ว่าความน่ารักมันช่วยให้การตลาดง่ายขึ้นเยอะ!

สนใจปรึกษาเรื่องการตลาดออนไลน์กับทีมผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อทีมงาน ForeToday ได้ตาม contact ทางด้านล่างได้เลย!

Line@ : bit.ly/ForeToday 

FB Chat : http://m.me/foretoday 

“A better tomorrow starts today”