Keyword SEO เลือกใช้ยังไงให้ปัง 1 บทความควรมีกี่คีย์เวิร์ด

SEO Keyword คืออะไร

SEO Keyword คือ คำหรือกลุ่มคำที่ผู้ใช้ค้นหาผ่านเครื่องมือค้นหา (Search Engine) ต่าง ๆ เช่น Google, Bing, หรือ Yahoo โดยการเลือก Keyword SEO ที่เหมาะสมในบทความหรือเว็บไซต์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับบนหน้าผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา การเลือกคีย์เวิร์ดที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการดึงดูดผู้เข้าชมที่มีความสนใจในสิ่งที่คุณนำเสนอได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น การทำ SEO (Search Engine Optimization) ไม่ได้หมายถึงแค่การสร้างเนื้อหาที่ดีหรือเว็บไซต์ที่สวยงามเท่านั้น แต่การเลือกคีย์เวิร์ด SEO ที่เหมาะสมและมีการใช้คีย์เวิร์ดในเนื้อหาของคุณอย่างถูกต้องจะช่วยให้เครื่องมือค้นหาทำการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณได้ดีกว่า หากคุณเลือก Keyword SEO ที่ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหาและมีการใช้งานอย่างถูกต้อง จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้อันดับที่สูงขึ้นในผลการค้นหาและเพิ่มปริมาณการเข้าชมจากผู้ใช้ ซึ่งการใช้บริการรับทำ SEO เป็นทางเลือกที่ง่ายและสะดวกกว่าการทำ SEO ด้วยตัวเอง อีกทั้งยังช่วยให้คุณวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์ SEO ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ รวมถึงช่วยปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณให้เป็นมิตรกับเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้งาน เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

ประเภทของ Keyword SEO มีกี่ประเภท

การเลือก Keyword SEO ควรเข้าใจถึงประเภทของคีย์เวิร์ดที่ใช้ในการทำ SEO เพื่อให้สามารถวางกลยุทธ์การใช้คีย์เวิร์ดได้อย่างมีประสิทธิภาพประเภทของ Keyword SEO แบ่งออกเป็นหลายประเภทดังนี้

  1. Short-Tail Keywords 

Short-tail Keywords หรือ คือคีย์เวิร์ดที่ประกอบด้วยคำ 1-2 คำ และเป็นคำกว้าง ๆ ไม่เฉพาะเจาะจง เช่น “รองเท้า,” “ท่องเที่ยว” หรือ “เครื่องสำอาง” คีย์เวิร์ดประเภทนี้มีการค้นหาที่สูงมาก แต่ก็มีการแข่งขันสูงเช่นกัน เนื่องจากมันเป็นคำที่กว้างและไม่เฉพาะเจาะจง ทำให้วิเคราะห์เจตนาของคนที่ค้นหายากว่าค้นหาคำคำนั้นเพื่ออะไร ส่งผลให้การติดอันดับสูงในคีย์เวิร์ดเหล่านี้ยากมาก

  1. Long-Tail Keywords 

Long-tail Keywords คือคีย์เวิร์ดที่ประกอบด้วยคำหลายคำ มีความเฉพาะเจาะจงมากกว่าเดิม เช่น “รองเท้าผู้ชายสำหรับวิ่ง” หรือ “ท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงฤดูร้อน” คีย์เวิร์ดประเภทนี้มักมีการแข่งขันน้อยกว่าคีย์เวิร์ดระยะสั้น และมักจะมีอัตราการแปลงที่สูงกว่า เนื่องจากเป็นคำที่เจาะจงและตรงกับความต้องการของผู้ค้นหามากกว่า

  1. Brand Keywords 

คีย์เวิร์ดประเภทนี้เกี่ยวข้องกับชื่อแบรนด์ เช่น “Nike,” “Apple” หรือ “Samsung” ผู้ที่ค้นหาคีย์เวิร์ดแบรนด์มักจะมีความตั้งใจในการซื้อหรือใช้สินค้าของแบรนด์นั้น ๆ อยู่แล้ว ซึ่งหมายความว่าการทำ SEO โดยการใช้คีย์เวิร์ดแบรนด์สามารถช่วยเพิ่มการรับรู้และเพิ่มยอดขายได้

  1. Geographical Keywords 

Geographical Keywords คือคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ เช่น “ร้านอาหารในกรุงเทพ” หรือ “โรงแรมในเชียงใหม่” คีย์เวิร์ดประเภทนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่ให้บริการในพื้นที่เฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้การค้นหาในพื้นที่นั้น ๆ เป็นไปได้ง่ายขึ้นและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าในท้องถิ่น

  1. LSI Keywords 

LSI Keywords (Latent Semantic Indexing) คือคีย์เวิร์ดที่มีความหมายหรือเกี่ยวข้องกับคำค้นหาหลัก แต่ไม่ใช่คำหลักที่ตรงไปตรงมา เช่น หากคีย์เวิร์ดหลักคือ “รองเท้าผู้ชาย,” คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องอาจเป็น “รองเท้าวิ่งสำหรับผู้ชาย” หรือ “รองเท้ากีฬา”

แนวทางการหา Keyword SEO

การเลือก Keyword SEO ที่ดีต้องคำนึงถึงเจตนาของผู้ค้นหาหรือที่เรียกว่า Search Intent ซึ่งเป็นวิธีในการหาคีย์เวิร์ด SEO ที่มีความสัมพันธ์กับความต้องการของผู้ใช้งานได้ดีขึ้น การเข้าใจ Search Intent ช่วยให้คุณสามารถเลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น นอกจากนี้การใช้ Longtail Keywords ยังเป็นการเลือกคีย์เวิร์ดที่มีการค้นหาน้อย แต่มีความเฉพาะเจาะจงสูงและมีแนวโน้มที่จะทำให้ผู้เข้าชมกลายเป็นลูกค้าได้ง่ายขึ้น

  1. คำนึงถึง Search Intent

Search Intent หมายถึงความตั้งใจของผู้ใช้เมื่อพวกเขาทำการค้นหาคำใดคำหนึ่งในเครื่องมือค้นหา โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ๆ คือ

  • Informational Intent (เจตนาหาข้อมูล) – เช่น การค้นหาข้อมูล “วิธีทำ SEO”
  • Navigational Intent (เจตนาหาทางไปเว็บไซต์) – เช่น “Facebook login”
  • Transactional Intent (เจตนาซื้อสินค้า) – เช่น “ซื้อรองเท้าผู้ชาย”
  • Commercial Intent (เจตนาหาข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบ) – เช่น “รีวิวกล้องดิจิตอล”

การเลือกคีย์เวิร์ด SEO ที่สอดคล้องกับ Search Intent ช่วยให้บทความหรือเว็บไซต์ของคุณสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ค้นหามากขึ้น และทำให้มีโอกาสที่ดีในการติดอันดับ

  1. การใช้ Long-tail Keywords

Long-tail Keywords เป็นคีย์เวิร์ดที่มีความยาวและมีความเฉพาะเจาะจงมากกว่า ซึ่งสามารถช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่มีความเฉพาะเจาะจงสูงขึ้น เช่น “รองเท้าวิ่งผู้ชายสำหรับวิ่งมาราธอน” การใช้ Long-Tail Keywords ช่วยให้การทำ SEO มีการแข่งขันน้อยลง และช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้าได้ดีกว่า เนื่องจากคำค้นหาที่เฉพาะเจาะจงนั้นมีแนวโน้มที่ผู้ค้นหาจะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้เร็วขึ้น ยิ่งคุณใช้คีย์เวิร์ดที่เจาะจงเท่าไหร่จะยิ่งทำให้มีคู่แข่งน้อยลงเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามก็ควรคำนึงถึงจำนวนการค้นหา (Search Volume) และ Search Intent ด้วย

คีย์เวิร์ด SEO ที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร

เมื่อคุณเลือกคีย์เวิร์ดที่จะใช้ในบทความ SEO หรือในเว็บไซต์ คุณต้องเลือกคีย์เวิร์ดที่มีลักษณะตรงกับความต้องการของผู้ใช้ และช่วยให้ Google สามารถเข้าใจเนื้อหาของคุณได้ดียิ่งขึ้น ลักษณะของคีย์เวิร์ด SEO ที่ดีมีดังนี้

  1. คีย์เวิร์ดต้องมีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหา

คีย์เวิร์ดที่เลือกใช้ควรมีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่คุณต้องการให้ Google จัดอันดับ หากบทความของคุณเกี่ยวกับการทำ SEO คีย์เวิร์ดที่ใช้ควรเกี่ยวข้องกับการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ SEO

  1. คีย์เวิร์ดต้องไม่มากเกินไป

การใช้คีย์เวิร์ด SEO มากเกินไปในบทความจะทำให้เนื้อหาดูไม่เป็นธรรมชาติ และทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาได้ดี การใช้คีย์เวิร์ดอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมชาติจะช่วยให้ทั้ง Google และผู้ใช้งานเข้าใจเนื้อหาของคุณได้ง่ายขึ้น จำนวนคีย์เวิร์ด ควรอยู่ที่ 1-2% ของจำนวนคำทั้งหมด เช่น หากเขียนบทความจำนวน 1,500 คำ ควรใส่คีย์เวิร์ดหลักประมาณ 15-20 คำ และคีย์เวิร์ดรองประมาณ 5-10 คำเพื่อเพิ่มความหลากหลายของเนื้อหา

  1. คีย์เวิร์ดต้องมีการค้นหาที่สูงพอสมควร

การเลือกคีย์เวิร์ด SEO ที่มีอัตราการค้นหาสูงสามารถเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณได้รับการมองเห็นมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน คีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูงอาจทำให้คุณไม่สามารถติดอันดับได้ง่าย คีย์เวิร์ดที่ดีควรมีการแข่งขันที่เหมาะสมและมีการค้นหาที่สูงพอสมควร

  1. คีย์เวิร์ดต้องมีความเฉพาะเจาะจง

เลือกคีย์เวิร์ดที่มีความเฉพาะเจาะจงเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่มีความต้องการตรงกับสิ่งที่คุณเสนอ เช่น “รับทํา SEO ติดหน้าแรก” หรือ “บทความ SEO สำหรับมือใหม่”

เครื่องมือ Keyword Research ที่แนะนำให้ใช้

การหา Keyword SEO ที่ดีนั้นสามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์และหาคีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพ เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้คุณเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมกับเนื้อหาและกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

  1. Google Keyword Planner

เครื่องมือ Google Keyword Planner เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยให้คุณสามารถค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีการค้นหาสูง พร้อมทั้งแสดงอัตราการแข่งขัน และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

  1. SEMrush

SEMrush เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถค้นหา Keyword SEO ที่เหมาะสมและตรวจสอบอันดับของคีย์เวิร์ดที่คุณเลือก รวมทั้งดูคู่แข่งในตลาดและกลยุทธ์ที่พวกเขากำลังใช้

  1. Ahrefs

Ahrefs เป็นอีกเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในการค้นหาคีย์เวิร์ด SEO และวิเคราะห์คู่แข่งในตลาด สามารถใช้ในการดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดที่ได้รับการค้นหามากที่สุด

  1. Ubersuggest

Ubersuggest เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับแสดงข้อมูลเกี่ยวกับความนิยมของคีย์เวิร์ดและอัตราการแข่งขัน

บริการรับทำ SEO พร้อม Keyword Research อย่างเชี่ยวชาญที่ ForeToday

SEO Keyword คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google และเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำ SEO เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน หากคุณสนใจรับทำ SEO และต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการหา Keyword SEO ที่เหมาะสม ForeToday คือผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO พร้อมให้บริการรับทำ SEO อย่างครบวงจร ทั้งวิเคราะห์คีย์เวิร์ดเชิงลึก เขียนบทความ SEO คุณภาพสูง ติดตามผลลัพธ์ และปรับปรุง SEO อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตในโลกออนไลน์ ติดต่อ ForeToday เพื่อรับคำปรึกษาได้แล้ววันนี้!