Mistine ไม่ใช่แค่เครื่องสำอาง แต่คือแบรนด์ที่เข้าใจผู้หญิงทุกเจน
จากภาพจำของ Mistine ในฐานะแบรนด์เครื่องสำอางที่อยู่คู่บ้านคู่ครัวคนไทยมาตั้งแต่ยุค 90’s Mistine ไม่เพียงแต่รักษาฐานลูกค้าเดิมในกลุ่มแม่บ้านและวัยทำงาน แต่ยังสามารถขยายกลุ่มเป้าหมายมาสู่สาว ๆ Gen Z ได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยการปรับตัวต่อเทรนด์ความงามและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แบรนด์ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย ความอ่อนโยนต่อผิว และการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ TikTok, Instagram, หรือการร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์ที่มีอิทธิพลในกลุ่มเป้าหมาย
Mistine ยังเข้าใจว่า “ผู้หญิงไม่ได้ต้องการแค่เครื่องสำอาง แต่ต้องการความมั่นใจ” จึงวางตำแหน่งของแบรนด์ให้เป็นมากกว่าเครื่องสำอาง แต่ Mistine คือแบรนด์ที่เข้าใจและเติบโตไปพร้อมกับผู้หญิงในทุกช่วงวัย ผ่านแคมเปญโฆษณาเชิงอารมณ์และการใช้ Brand Ambassador ที่สะท้อนความหลากหลายของผู้หญิงไทยยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว นักเรียนมหาวิทยาลัย หรือพนักงานออฟฟิศรุ่นใหม่ ทำให้แบรนด์สามารถสร้าง Emotional Bond ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน และการเข้าใจผู้บริโภคถือเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จของแบรนด์ โดยเฉพาะในยุคที่ “Brand Purpose” และ “Authenticity” มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออย่างมาก Mistine จึงไม่ได้แค่ขายลิปสติก หรือแป้งพัฟ แต่ขายความมั่นใจให้ผู้หญิงในทุกช่วงวัย
Mistine เจาะกลยุทธ์ลุยจีน: จากตลาดแม่บ้านไทยสู่ตลาดออนไลน์มูลค่าหมื่นล้าน
ตลาดจีนมีขนาดมหาศาล แต่ก็มีการแข่งขันที่ดุเดือด Mistine เลือกเข้าสู่ตลาดจีนในเวลาที่เหมาะสม ผ่านช่องทาง E-commerce และแพลตฟอร์มอย่าง Tmall, JD.com และ Douyin ซึ่งถือว่าเป็นช่องทางหลักของผู้บริโภคจีน โดยใช้โมเดลที่ไม่ต่างจาก D2C (Direct-to-Consumer) เพื่อควบคุมการนำเสนอสินค้าและแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งอาศัยข้อมูลพฤติกรรมการซื้อแบบเรียลไทม์เพื่อนำมาปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมตลอดเวลา นอกจากนี้ Mistine ยังทำความเข้าใจโครงสร้างของระบบ Logistics และ Payment ในจีนอย่างลึกซึ้ง เช่น การจับมือกับพาร์ตเนอร์โลจิสติกส์ที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ และการเชื่อมต่อกับ Alipay เพื่อให้ประสบการณ์ซื้อของลูกค้าราบรื่นที่สุด รวมถึงการจัดโปรโมชั่นตามเทศกาลใหญ่ของจีน เช่น 11.11 หรือ 6.18 อย่างตรงจังหวะ โดยมีการใช้ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา ทำให้ Mistine สามารถออกสินค้าและคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ตลาดได้แทบจะทันที
Mistine ยังเลือกใช้ Key Opinion Leader (KOL) และอินฟลูเอนเซอร์จีนอย่างชาญฉลาด เช่น การร่วมไลฟ์กับ Li Jiaqi (หรือที่รู้จักในชื่อ Lipstick King) เพื่อสร้างปรากฏการณ์ยอดขายถล่มทลายภายในไม่กี่นาที ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในตลาดที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่นกับ “หน้าคนมากกว่าหน้าแบรนด์”
Mistine ไม่ใช่แค่ราคาดี แต่คือคุณภาพ แต่คอนเทนต์ที่โดนใจผู้บริโภคจีน
ในตลาดที่เต็มไปด้วยตัวเลือก Mistine ไม่ได้เอาชนะด้วยราคาถูกเท่านั้น แต่ด้วยคุณภาพของสินค้า การวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภค และการเล่าเรื่อง (Brand Storytelling) ที่เจาะลึก Insight ของผู้บริโภคจีนอย่างจริงจัง เช่น การเน้นความปลอดภัยในเครื่องสำอางโดยใช้วัตถุดิบที่ผ่านมาตรฐานระดับโลก Mistine พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งโทนสีผิว สภาพอากาศ และลักษณะผิวแบบเฉพาะของคนจีน รวมถึงการผลิตสินค้าบางไลน์ในโรงงานภายในประเทศจีนเอง เพื่อควบคุมคุณภาพได้ในระดับที่ละเอียดสุด ๆ และลดเวลาในการจัดส่งสินค้าให้ทันต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว Mistine ยังมีการทดสอบผลิตภัณฑ์ผ่านกลุ่มทดลองจีนจริงในหลายเมือง เพื่อให้มั่นใจว่าความต้องการและปฏิกิริยาต่อผลิตภัณฑ์จะเป็นไปในเชิงบวกก่อนการเปิดตัวในวงกว้าง
Mistine ยังใช้กลยุทธ์ Content Marketing อย่างแยบยล ผ่านคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบที่ครอบคลุมทั้งวิดีโอทดลองใช้สินค้าจริงจากผู้บริโภคในชีวิตประจำวัน คลิปเปรียบเทียบคุณภาพผลิตภัณฑ์กับแบรนด์ชั้นนำ รีวิวเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญด้านความงามชาวจีน การถ่ายทอดเบื้องหลังขั้นตอนการผลิตในโรงงานที่แสดงถึงมาตรฐานการควบคุมคุณภาพ และซีรีส์เล่าเรื่องที่มาของแบรนด์ซึ่งผสมผสานความภาคภูมิใจในความเป็นไทย อัตลักษณ์ท้องถิ่น และคุณค่าทางวัฒนธรรมอย่างชัดเจน Mistine ยังปรับการเล่าเรื่องให้เข้ากับรูปแบบของแพลตฟอร์มแต่ละแห่ง เช่น ทำคลิปสั้นแนวไลฟ์สไตล์สำหรับ Douyin หรือทำวิดีโอแนวสารคดีสำหรับ Bilibili เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะทางในแต่ละแพลตฟอร์ม ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนอย่างมากในการสร้าง Emotional Connection กับผู้บริโภคจีนและเสริมความเชื่อมั่นในแบรนด์
เบื้องหลังความสำเร็จของ Mistine: การรีแบรนด์-รีแพ็ก-รีพรีเซนต์ ที่วางแผนมาอย่างแม่นยำ
การบุกตลาดจีนไม่ใช่แค่การนำสินค้าเดิมมาขายซ้ำ Mistine เข้าใจดีว่า ‘การเข้าไปขาย’ ต้องเริ่มจาก ‘การเข้าใจ’ ผู้บริโภคจีนอย่างแท้จริง แบรนด์จึงเลือกทำการรีแบรนด์อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่เพียงแค่เปลี่ยนโลโก้หรือสี แต่รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ทั้งหมดให้มีดีไซน์สไตล์พรีเมียมที่ตรงกับรสนิยมผู้บริโภคจีน การปรับชื่อผลิตภัณฑ์ให้สะกดง่าย อ่านง่าย และมีความหมายเชิงบวกในภาษาจีน การเลือกโทนสีที่สะท้อนภาพลักษณ์หรูหรา และการสร้างสรรค์วิธีการสื่อสารที่เน้นคุณภาพและความน่าเชื่อถือ โดยมีการใช้สโลแกนที่จับใจ สื่อสารผ่านวิดีโอที่เน้นอารมณ์และเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตผู้หญิงจีนยุคใหม่ ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า Mistine ไม่ได้แค่พยายามเข้าไปขายในจีน แต่พยายามจะเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมความงามในแบบจีนอย่างกลมกลืน
กลยุทธ์ Rebranding + Repackaging นี้ทำให้ Mistine ดู “ไม่ไทยเกินไป” แต่ยังคงอัตลักษณ์ไว้ได้อย่างพอดี และยิ่งไปกว่านั้นคือการสื่อสารแบรนด์ในแบบที่สอดคล้องกับความรู้สึกและรสนิยมของผู้บริโภคจีน เช่น การออกแบบแพ็กเกจแป้งที่มีลวดลายดอกไม้จีนซึ่งสื่อถึงความงามแบบตะวันออก การตั้งชื่อไลน์สินค้าเป็นภาษาจีนที่ไม่เพียงจำง่าย แต่ยังแฝงความหมายที่เป็นมงคล เช่น ชื่อที่สื่อถึงความมั่งคั่งหรือผิวเนียนดั่งหยก และการเลือกนางแบบที่มีลุคอินเตอร์ซึ่งได้รับความนิยมในโลกออนไลน์จีน เช่น นางแบบเชื้อสายจีน-ตะวันตก ที่สะท้อนภาพลักษณ์ของผู้หญิงยุคใหม่ในเมืองใหญ่ของจีน กลยุทธ์ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ Mistine ไม่เพียงเป็นแบรนด์ต่างชาติ แต่กลายเป็นแบรนด์ที่ ‘เข้าใจจีน’ อย่างแท้จริงในสายตาผู้บริโภค
สรุป
กรณีศึกษา Mistine ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของแบรนด์ไทยที่บุกตลาดจีนได้สำเร็จเท่านั้น แต่คือภาพสะท้อนของการเข้าใจตลาด การปรับตัว และการทำ Digital Transformation ที่แท้จริงในยุคใหม่ สำหรับแบรนด์ไทยที่อยากโกอินเตอร์ โดยเฉพาะในตลาดใหญ่อย่างจีน Foretoday มีบริการที่จะช่วยให้คุณวางกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ “Mistine ไม่ได้มาเพราะโชค และคุณก็ไม่ต้องรอโชค ถ้ามี Foretoday เป็นพาร์ทเนอร์”
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://foretoday.asia/