เข้าใจการตลาดออนไลน์ด้วย 6P Framework Home / Articles / เข้าใจการตลาดออนไลน์ด้วย 6P Framework เนื่องจากทางผมเองได้อ่านหนังสือจากร้าน MEB เป็นร้านหนังสือ Ebook โดยหนังสือที่อ่านชื่อ 6P Framework โดยตัวหนังสือจะสอนให้เราทำธุรกิจออนไลน์ผ่าน 6 แก่นสำคัญในการทำธุรกิจออนไลน์ โดยผู้เขียนได้เรียกแกนเหล่านั้นว่า 6P Framework โดยเนื้อหาจะมีการอธิบายตั้งแต่เบสิกของการตลาดออนไลน์ไปจนถึงแนวคิดการจัดการองค์กร โดยหลักจะโฟกัสไปที่การบริหารธุรกิจ eCommerce และไม่ใช่เรื่อง 4P Marketing นะครับไม่เกี่ยวเลย โดย 6P Framework จะกล่าวถึง P ดังต่อไปนี้ Performance, Product, Plan, Process, People, Policy โดยวันนี้จะเจาะลงเรื่องการทำการตลาดออนไลน์เพื่อเน้นยอดขายหรือตัว Performance นั่นเอง ธุรกิจออนไลน์เริ่มต้นที่ 6P Framework: Performance เป็นการทำการตลาดออนไลน์ซึ่งจะไม่เหมือนหนังสืออื่น เพราะที่นี่จะสอนให้คุณคิดเชิง eCommerce สิ่งที่คุณต้องดูนิยามศัพย์ ซึ่งจุดที่ผมจะเกรินคือใน ออนไลน์ปัจจุบันจะมีทฤษฎีออกมาเยอะมาก ทำให้คนที่เริ่มจะงงมากคืออะไรเช่น TOFU MOFU BOFU, AIDA, Marketing Funnel, Earn Own Paid media เป็นต้น แต่หนังสือจะสอนเราตามการทำการตลาดที่เกิดขึ้น ดังนี้ Marketing จะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ Online Marketing คือ การตลาดที่ต้องใช้ Internet และผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Facebook Google เป็นต้น Offline Marketing คือ การตลาดที่เราเห็นได้ทั่วไปอย่าง TV, Billboard, Leftlet, โฆษณาตาม BTS เป็นต้น Online Marketing ก็จะถูกแบ่งออกเป็น Paid Marketing คือ การตลาดแบบที่เราจ่ายเงินให้กับแพลตฟอร์มเพื่อให้โฆษณาเราขึ้น เช่น Facebook Google Organic Marketing คือ การตลาดแบบที่เราใช้สินทรัพย์ธุรกิจออนไลน์ของเราเอง Paid Marketing ก็จะถูกแบ่งออกเป็น Push Marketing คือ การโปรโมทสินค้าหรือบริการไปยังกลุ่มเป้าหมาย Pull Marketing คือ การตลาดแบบที่กลุ่มผู้บริโภคมีความสนใจในสินค้าและบริการอยู่แล้ว ซึ่งทางเราจะขอเจาะลึกในส่วนของ Paid Marketing และ Organic Marketing Push Marketing Goal: เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวงกว้าง Channels: ส่วนใหญ่จะเป็นโฆษณาแนวรูปภาพและวีดีโอ เช่น Facebook Ads, IG Ads, TikTok Ads, Google Display Network, YouTube Ads, Linkedin Ads, Shopee Discovery Ads Targeting: การเลือกกลุ่มเป้าหมายตาม ความสนใจ, อาชีพ, พฤติกรรม, เหตุการณ์สำคัญในชีวิต, และ อื่น ๆ Pull Marketing Goal: เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการอยู่แล้ว Channels: ส่วนใหญ่เป็นการโฆษณาผ่านเครื่องมือค้นหาต่าง ๆ เช่น Search Engine Marketing (Google), Shopee Search Ads, Lazada Ads, Google Shopping Ads, SEO Targeting: Keywords Organic Marketing Organic Marketing คือ การตลาดแบบที่เราใช้สินทรัพย์ธุรกิจออนไลน์ของเราเอง สินทรัพย์ที่ว่า คือ Branding, Website, Customer Data, การมีร้านบน Platform ออนไลน์ เช่น Facebook, Lazada, Shopee Marketing Actions: การโพสรูป, ทำ VDO, เขียนบทความ, ทำ Website, Electronic Direct Mail, Chat & Live, SMS, SEO, Referral, Direct บทสรุป สรุป บทส่งท้าย ดังนั้นไม่ว่าคุณจะอ่านเรื่องการตลาดแบบไหนก็ตาม แต่ละที่ก็จะนำเสนอแตกต่างกันไปโดยดึงหลักเหล่านี้ไปขยายต่อเพื่อให้การตลาดดูเข้าใจลึกลงไปอีก หรือมีดีเทลมากขึ้นตามพฤฏิกรรมลูกค้า ถ้าสงสัยหรืองง ก็สามารถติดต่อสบถามทางทีมงานได้เลยนะครับ ทางเราพร้อมดูแลผู้อ่านทุกท่านครับ [email protected]: bit.ly/ForeToday FB Chat: http://m.me/foretoday “A better tomorrow starts today “ #digitalagency Digital Marketing digitalagency foretoday marketing Previous Next
Creative ความแตกต่างในการทำ Content marketing สำหรับ B2B และ B2C ที่ช่วยให้ธุรกิจคุณตอบโจทย์มากขึ้น! Supitcha|27 มี.ค. 2023