ทำไมต้องวิเคราะห์คู่แข่งด้าน SEO?

          ในการทำการตลาดออนไลน์ “การวิเคราะห์คู่แข่งด้วย SEO” ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณเข้าใจจุดแข็ง-จุดอ่อนของตัวเอง ในบริบทของการแข่งขัน การเข้าใจว่าคู่แข่งทำอะไรในโลกของ SEO เช่น คีย์เวิร์ดที่คู่แข่งเลือกใช้, โครงสร้างเนื้อหา, การทำ Backlink หรือแม้แต่ความเร็วเว็บไซต์ จะช่วยให้เราปรับกลยุทธ์ SEO ของตัวเองได้อย่างแม่นยำ เพราะในโลกของการทำอันดับบน Google ใครที่เข้าใจพฤติกรรมของตลาดและคู่แข่งได้ครอบคลุมกว่า จะมีโอกาสชิงพื้นที่หน้าแรกได้ก่อน นั่นแปลว่ามีโอกาสที่จะดึงดูดลูกค้ามากขึ้นอย่างมหาศาล

เครื่องมือและวิธีเช็กการทำ seo ของคู่แข่ง

          การวิเคราะห์คู่แข่งด้วย SEO จำเป็นต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนและวัดผลได้จริง ต่อไปนี้คือเครื่องมือยอดนิยมที่ใช้ในการวิเคราะห์

1. Ahrefs

Ahrefs เป็นหนึ่งในเครื่องมือ SEO ที่มีประสิทธิภาพ คุณสามารถใช้เพื่อตรวจสอบ

• คีย์เวิร์ดที่คู่แข่งติดอันดับ
• แหล่งที่มาของ Backlink
• หน้าเว็บที่มีทราฟฟิกมากที่สุด
• ความแรงของ Domain (Domain Rating)

2. SEMrush

SEMrush ช่วยให้คุณเปรียบเทียบเว็บไซต์ของคุณกับคู่แข่งได้อย่างละเอียด

• วิเคราะห์คำค้น (Keyword Gap)
• ตรวจสอบคอนเทนต์ที่สร้างทราฟฟิกได้จริง
• วิเคราะห์โฆษณา Google Ads (ถ้ามี)

3. Google Search Console & Google Analytics

สองเครื่องมือฟรีจาก Google ช่วยให้คุณวิเคราะห์เว็บไซต์ของตัวเอง และเปรียบเทียบพฤติกรรมการค้นหาที่ Google มองเห็นได้

• ตรวจสอบคีย์เวิร์ดที่ผู้ใช้เสิร์ชแล้วเข้ามาเจอเว็บไซต์เรา
• ตรวจสอบ CTR (Click-through-rate)
• วิเคราะห์ประสิทธิภาพหน้าเว็บไซต์แบบรายหน้า

      4. SEO Meta in 1 Click (Chrome Extension)

ช่วยให้คุณดู Title, Description, Header tags ของหน้าเว็บคู่แข่งได้ง่ายๆ แค่คลิกเดียว

การตีความข้อมูล: คู่แข่งเน้นอะไร แล้วเราควรเน้นอะไร

หลังจากที่ได้ข้อมูลจากเครื่องมือต่าง ๆ แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวิเคราะห์และตีความข้อมูลอย่างเป็นระบบ โดยสามารถทำตามขั้นตอนดังนี้

1. วิเคราะห์โครงสร้างเว็บไซต์

คู่แข่งจัดวางเมนูหลักยังไง? มีการใช้ Sub-directory อย่างไร? สิ่งนี้จะช่วยให้เรารู้ว่าการจัดโครงสร้างเนื้อหาของเราควรทำอย่างไรให้ Google เข้าใจง่ายขึ้น

2. เนื้อหาคอนเทนต์

ลองดูว่าคู่แข่งเน้นเนื้อหาแบบไหน เช่น

• เขียนบทความยาวกว่า 1,000 คำ
• ใส่ Infographic หรือวิดีโอ
• ใช้ Bullet Point เพื่อให้อ่านง่าย

หากคอนเทนต์ของคู่แข่งเน้น “เชิงให้ความรู้” แล้วได้อันดับดี เราอาจต้องปรับคอนเทนต์ของเราให้อยู่ในทิศทางเดียวกัน

3. การวิเคราะห์คีย์เวิร์ด

ดูว่าคู่แข่งใช้ Focus Keyword อะไรในแต่ละหน้า และมี Supportive Keyword อะไรบ้าง เช่น

• Focus Keyword: กลยุทธ์ SEO, วิเคราะห์คู่แข่งด้วย SEO
• Supportive Keyword: ปรับเว็บไซต์, ทำอันดับ, คีย์เวิร์ด

4. วิเคราะห์ลิงก์ภายนอก (Backlink Profile)

Backlink ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับ SEO หากคู่แข่งมีลิงก์จากเว็บคุณภาพสูงจำนวนมาก เราต้องวางแผน Outreach หรือ PR ให้มี Backlink ที่แข็งแกร่งเช่นกัน

วางแผนและลงมือทำ SEO จากข้อมูลคู่แข่ง

เมื่อเรามีข้อมูลเพียงพอจากการวิเคราะห์คู่แข่งด้วย SEO แล้ว ต่อไปคือขั้นตอนของการนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์

1. ปรับคอนเทนต์ให้เหนือกว่าคู่แข่ง

การทำ “10x Content” คือการสร้างคอนเทนต์ที่ดีกว่า 10 เท่า เช่น

• ให้ข้อมูลละเอียดขึ้น
• ใช้ภาพประกอบและอินโฟกราฟิก
• ตอบคำถามผู้ใช้ให้ครบในหน้าเดียว

      2. ปรับโครงสร้างเว็บให้รองรับ SEO

• ใช้ URL ที่เป็นมิตรกับ SEO เช่น yoursite.com/วิเคราะห์-seo
• ใช้ H1, H2, H3 อย่างถูกต้อง
• ปรับความเร็วเว็บไซต์ด้วย PageSpeed Insights

รูปจาก PageSpeed Insights

     3. ลงมือทำ Link Building

เช่น Outreach หา Blogger, ทำ Guest Post, หรือสร้าง PR ที่สื่อสนใจแล้วใส่ลิงก์กลับมายังเว็บเรา

     4. ติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

ใช้ Google Analytics และ Ahrefs เพื่อตรวจสอบอันดับคีย์เวิร์ดและทราฟฟิกที่เพิ่มขึ้น

สรุป

“การวิเคราะห์คู่แข่งด้วย SEO” ไม่ใช่การลอกเลียนแบบ แต่คือการเข้าใจตลาด เข้าใจกลยุทธ์ของคนอื่น แล้วพัฒนาให้ดีกว่า การใช้เครื่องมือเช่น Ahrefs, SEMrush, หรือ Google Search Console จะช่วยให้คุณเห็นข้อมูลเชิงลึก ซึ่งสามารถนำไปปรับกลยุทธ์ SEO ของคุณเองให้เหนือกว่าคู่แข่งได้ หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจหรือทีมการตลาดที่ต้องการวางแผน SEO อย่างยั่งยืน หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจหรือทีมการตลาดที่ต้องการวางแผน SEO อย่างยั่งยืน ทาง Foretoday มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ SEO และวางกลยุทธ์เฉพาะทางให้คุณได้เริ่มต้นอย่างมืออาชีพ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการได้ที่: https://foretoday.asia/