เทคนิคการสื่อสารให้ปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยกลยุทธ์ "Supercommunicators"

เทคนิคการสื่อสารให้ปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยกลยุทธ์ “Supercommunicators”

การสื่อสารถือว่าเป็นหนึ่งในทักษะสำคัญที่สุดสำหรับการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ โดยเฉพาะในยุคที่ AI มีบทบาทเพิ่มมากขึ้น ทำให้การสื่อสารระหว่างมนุษย์กลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก

หนังสือ Supercommunicators เขียนโดย Charles Duhigg นักวารสารศาสตร์และคอลัมนิสต์จาก The New York Times ซึ่งถ่ายทอดประสบการณ์ส่วนตัวจากการเคยล้มเหลวในการสื่อสาร จนค้นพบเทคนิคที่ทำให้เขากลายเป็นนักสื่อสารขั้นเทพ หนึ่งในหัวใจสำคัญคือ ‘การเชื่อมโยง’ (Connection) ซึ่งเน้นคำถามพื้นฐาน 3 ข้อเป็นหลัก 1. เรื่องที่กำลังพูดจริง ๆ แล้วเกี่ยวกับอะไร 2. เรากำลังรู้สึกอะไรอยู่ 3. เราเป็นใครในขณะนี้

การสื่อสารคืออะไร และสำคัญอย่างไร

การสื่อสารหรือการสนทนา แท้จริงแล้วคือการสร้างการเชื่อมโยงและความสัมพันธ์ระหว่างกัน เป้าหมายคือการคิดไปในทิศทางเดียวกัน เข้าใจซึ่งกันและกัน และสัมผัสอารมณ์ร่วมกัน เมื่อสมองของทั้งสองฝ่ายเกิดการประสานหรือ “จับคู่” กัน จะทำให้เกิดความคิดที่สอดคล้องกัน

การสนทนาที่มีประสิทธิภาพไมใช่การต่างฝ่ายต่างต่างพูดในมุมของตัวเอง แต่คือการสื่อสารที่เชื่อมโยงกันอย่างแท้จริง โดยมีพื้นฐานจากคำถามสำคัญ 3 ข้อ

  1. เรื่องที่กำลังพูด จริง ๆ แล้วเกี่ยวกับอะไร – การระบุแก่นของเรื่องที่พูดเพื่อความชัดเจนและไม่หลงประเด็น
  2. เรากำลังรู้สึกอะไรอยู่ – การใส่ใจในอารมณ์ของตัวเองและอีกฝ่าย เพื่อสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ทางอารมณ์
  3. เราเป็นใครในขณะนี้ – การตระหนักถึงบทบาทหรือสถานการณ์ของตัวเองในบริบทนั้น

คำถามเหล่านี้ช่วยชี้นำรูปแบบการสื่อสารให้อยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจร่วมกัน และนำไปสู่การสนทนาที่หลากหลายรูปแบบแต่มีเป้าหมายที่ชัดเจน 

การสื่อสารทั้ง 3 รูปแบบ ได้แก่

  1. การสนทนาเชิงปฏิบัติ (Practical Discussion) การสนทนาประเภทนี้มุ่งเน้นไปที่เป้าหมายที่ชัดเจน เช่น การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การตัดสินใจในเรื่องสำคัญ หรือการวางแผนเพื่อดำเนินการในอนาคต ผู้เข้าร่วมการสนทนามักใช้เหตุผลและข้อมูลเชิงประจักษ์เป็นหลัก โดยเน้นความชัดเจนและประสิทธิภาพ 
  2. การสนทนาเชิงอารมณ์ (Emotional Conversation) การสนทนาประเภทนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้เข้าร่วมต้องการการสนับสนุนทางอารมณ์ เช่น การขอความเข้าใจ ความเห็นใจ หรือการแบ่งปันความรู้สึกส่วนตัว การสนทนาเชิงอารมณ์มีเป้าหมายเพื่อสร้างความใกล้ชิดและความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง โดยเน้นความอ่อนโยนและความใส่ใจในความรู้สึกของอีกฝ่าย
  3. การสนทนาเชิงสังคม (Social Conversation) การสนทนาประเภทนี้เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือมุมมองเกี่ยวกับเรื่องที่มีผลกระทบต่อสังคม เช่น ความเชื่อ ค่านิยม วัฒนธรรม หรือประเด็นทางสังคม เป้าหมายของการสนทนาคือการทำความเข้าใจความแตกต่างทางความคิดและสร้างความสามัคคีในกลุ่ม

การเข้าใจและใช้รูปแบบการสื่อสารที่เหมาะสมกับบริบทไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาในระดับเฉพาะหน้า แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวและสนับสนุนการอยู่ร่วมกันในสังคมที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

การที่เราจะเป็นนักสื่อสารขั้นเทพ ต้องทำอย่างไร

การที่เราจะเป็นนักสื่อสารขั้นเทพได้ ต้องเริ่มต้นจากตรงไหน? การพัฒนาทักษะการสื่อสารไม่ใช่เรื่องยาก หากเริ่มต้นจากเทคนิคสำคัญที่จะช่วยสร้างความเชื่อมโยงที่ดีในการสนทนา 

  1. ตั้งคำถามสบาย ๆ เพื่อเริ่มต้น
    การเริ่มบทสนทนาด้วยคำถามง่าย ๆ หรือคำถามที่ไม่เป็นทางการ ช่วยสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรและผ่อนคลาย เช่น “วันนี้เป็นยังไงบ้าง?” หรือ “พักนี้สนใจอะไรเป็นพิเศษ?” คำถามเหล่านี้เปิดโอกาสให้คู่สนทนาได้พูดในเรื่องที่เขาสบายใจและเต็มใจจะแชร์
  2. ถามคำถามเชิงลึก เพื่อเข้าใจมุมมอง
    เมื่อบทสนทนาเริ่มดำเนินไป การตั้งคำถามที่ลึกซึ้งขึ้น เช่น ค่านิยม ความเชื่อ หรือประสบการณ์ส่วนตัว จะช่วยให้เราเข้าใจตัวตนและมุมมองของอีกฝ่ายมากขึ้น เช่น “อะไรทำให้คุณเลือกอาชีพนี้?” หรือ “คุณมองความสำเร็จในชีวิตอย่างไร?” คำถามเหล่านี้ช่วยเปิดพื้นที่ให้คู่สนทนาได้สะท้อนความคิดและแสดงความเป็นตัวเอง
  3. ตั้งคำถามแบบ Follow-up เพื่อแสดงความใส่ใจ
    การถามต่อยอดจากสิ่งที่คู่สนทนาพูดเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่สำคัญ เพราะช่วยแสดงให้เห็นว่าเราตั้งใจฟังและสนใจในสิ่งที่เขาพูด เช่น หากเขาเล่าว่าเพิ่งเริ่มงานใหม่ คุณอาจถามต่อว่า “แล้วคุณรู้สึกยังไงกับการเริ่มงานในช่วงแรก?” เทคนิคนี้ช่วยสร้างความรู้สึกว่าเขาได้รับการเข้าใจอย่างแท้จริง
  4. Paraphrase หรือการทวนคำเพื่อความเข้าใจตรงกัน
    การทบทวนสิ่งที่เราได้ฟังมาช่วยยืนยันว่าเราจับใจความได้ถูกต้อง เช่น “ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด คุณกำลังบอกว่า…” เทคนิคนี้ไม่เพียงช่วยให้บทสนทนาดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ยังช่วยให้คู่สนทนารู้สึกว่าเราใส่ใจในสิ่งที่เขาพูด
  5. แชร์เรื่องราวที่ไม่สมบูรณ์แบบ เพื่อสร้างความเชื่อมโยง
    การเล่าประสบการณ์ที่มีข้อผิดพลาดหรือเรื่องที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบของเรา เช่น “ฉันก็เคยทำพลาดในสถานการณ์แบบนี้เหมือนกัน” ช่วยให้คู่สนทนารู้สึกใกล้ชิดและเข้าใจว่าเราก็มีความรู้สึกหรือประสบการณ์คล้ายกัน สิ่งนี้สร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและลดช่องว่างระหว่างกัน

ด้วยเทคนิคเหล่านี้ คุณจะสามารถพัฒนาทักษะการสื่อสารที่ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างบทสนทนาที่ลื่นไหล แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและมั่นคงอีกด้วย

จะปิดการขายด้วย Supercommunicators ได้อย่างไร 

แล้วเราจะสามารถนำเทคนิคนี้มาใช้ในการปิดการขายได้อย่างไรล่ะ? สุดท้ายแล้วการปิดการขายอย่างมืออาชีพเริ่มจากการสื่อสารที่สร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจ เทคนิคสำคัญคือการตั้งคำถามเบา ๆ เพื่อเริ่มบทสนทนา ตามด้วยคำถามเชิงลึกเพื่อเข้าใจปัญหา และการถามต่อยอดเพื่อแสดงความใส่ใจ นอกจากนี้ การทวนคำพูด (Paraphrase) และการเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องจะช่วยเสริมความเชื่อมโยงและความเข้าใจ การขายที่ดีไม่ได้จบเพียงแค่การปิดการขาย แต่ยังรวมถึงการติดตามผลเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน

การขายที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่การนำเสนอสินค้าหรือบริการให้โดนใจ แต่ยังต้องสร้างความเชื่อมโยงและความไว้วางใจให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง เทคนิคที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะทำให้การสื่อสารง่ายขึ้นอย่างมาก และการขายไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่การโน้มน้าวเพียงอย่างเดียว แต่คือการสร้างบทสนทนาที่มีความหมาย เทคนิคเหล่านี้ช่วยให้ผู้ขายหรือฝ่ายขายสามารถเข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด เพิ่มโอกาสปิดการขายได้อย่างราบรื่น และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาว และยังสามารถเป็นที่ปรึกษาที่ลูกค้าไว้วางใจ

cr: Fusgo โฟกัสเดอะอินเทิร์นเน็กเจน2024 #มุขตลกไม่เคยขาด แต่ก็ขำไม่เคยออก อิอิ