THAIFEX ไม่ใช่แค่งานแฟร์ แต่คือเวทีปั้นแบรนด์อาหารสู่โลก
THAIFEX – Anuga Asia 2025 กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี และในปีนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานแสดงสินค้าอาหารระดับภูมิภาค แต่ยกระดับสู่เวทีระดับนานาชาติที่ทั่วโลกจับตามอง ด้วยการรวบรวมนวัตกรรมล้ำสมัย แบรนด์อาหารชื่อดัง และกิจกรรมส่งเสริมการค้าแบบครบวงจร ทั้งการเจรจาธุรกิจ การจับคู่พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ และการเสวนาเรื่องทิศทางอาหารแห่งอนาคต พร้อมทั้งเป็นเวทีที่สะท้อนพลัง Soft Power ด้านอาหารไทยที่สามารถต่อยอดสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ในระดับโลกได้อย่างแท้จริง
ภายในงาน THAIFEX ปีนี้มีผู้ร่วมแสดงสินค้ามากกว่า 3,000 ราย จากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่แบรนด์ระดับโลกไปจนถึง SME ที่มีของดีซ่อนอยู่ทั่วเอเชีย คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 80,000 คน ประกอบด้วยทั้งนักลงทุน ผู้จัดจำหน่าย เชฟชื่อดัง และผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ บรรยากาศของงานเต็มไปด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย เช่น โซน Startup Zone, Future Food Pavilion และห้องทดลองอาหารเสมือนจริง (Virtual Kitchen Lab) ที่ช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสกับแนวคิดและเทคโนโลยีใหม่ก่อนใคร ถือเป็นมหกรรมอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และเป็นเวทีที่นักธุรกิจ นักลงทุน และนักสร้างแบรนด์ทั่วโลกจับตาในฐานะ “ตลาดกลางแห่งรสชาติ” ที่เชื่อมต่อสินค้านวัตกรรมจากทุกมุมโลกเข้าด้วยกัน พร้อมสะท้อนพลัง Soft Power ของอาหารที่เป็นมากกว่าแค่รสชาติ
เทรนด์อาหารมาแรงปี 2025: Plant-based, Functional Food และนวัตกรรมยั่งยืน
จากกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งในเรื่องสุขภาพ ความยั่งยืน และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ปี 2025 เทรนด์อาหารแห่งอนาคตยังคงเดินหน้าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ 3 หมวดหมู่หลักที่ถูกพูดถึงในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2025 ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ชั่วคราว แต่กลายเป็นทิศทางหลักของอุตสาหกรรมอาหารโลกในระยะยาว ทั้งในแง่การพัฒนาแบรนด์ สร้างจุดขายใหม่ และตอบโจทย์ตลาดโลกที่เปลี่ยนเร็วมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในบริบทของผู้บริโภคที่ต้องการอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ต่อโลก และตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคใหม่อย่างแท้จริง
- อาหาร Plant-based หรืออาหารจากพืชที่ลดหรือเลี่ยงการใช้วัตถุดิบจากสัตว์ มีทั้งเนื้อทางเลือกจากพืช (Plant-based meat), นมจากพืช และขนมเพื่อสุขภาพ
- Functional Food อาหารเสริมสุขภาพที่เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ เช่น เครื่องดื่มผสมวิตามิน, โปรตีนเชค, หรืออาหารช่วยเรื่องการนอน ความจำ และระบบขับถ่าย
- นวัตกรรมยั่งยืน (Sustainable Food Innovation) เช่น บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ วัตถุดิบจากของเหลือใช้ การผลิตแบบลดคาร์บอน และการใช้พลังงานสะอาดในกระบวนการผลิต
THAIFEX ยังมีพื้นที่ Innovation Zone ที่แสดงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหาร เช่น AI สำหรับการ ควบคุมคุณภาพอาหารแบบเรียลไทม์ การวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภคเพื่อพัฒนาเมนูเฉพาะบุคคล หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารที่สามารถปรับการบริการตามอารมณ์ลูกค้า และระบบจัดการคลังสินค้าอัจฉริยะที่ลดการสูญเสียวัตถุดิบ พร้อมทั้งมีโชว์เคสเทคโนโลยีด้านการเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) และระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Blockchain Traceability) เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและความโปร่งใสในห่วงโซ่อาหารทั้งหมด
ผู้เล่นจากทั่วโลกตบเท้าเข้าไทย: โอกาสธุรกิจ-การค้าระดับภูมิภาค
หนึ่งในความโดดเด่นของ THAIFEX คือการเป็น “ฮับธุรกิจอาหารแห่งเอเชีย” อย่างแท้จริง เพราะที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นพื้นที่พบปะของผู้ผลิต ผู้นำเข้า ตัวแทนจำหน่าย หรือเชฟผู้สร้างสรรค์จากทั่วโลก แต่ยังเป็นเวทีที่ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีอาหารล่าสุด ความรู้ด้านบรรจุภัณฑ์ และการพัฒนาแบรนด์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ งานนี้จึงไม่ใช่แค่การขายสินค้า แต่เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจที่สามารถขยายสเกลจากระดับประเทศสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ภายในงานยังมี Business Matching Program ที่ช่วยจับคู่ผู้ซื้อกับผู้ขายได้อย่างตรงจุด ด้วยการใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ความสนใจและข้อมูลผลิตภัณฑ์ล่วงหน้า ทำให้การเจรจาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างโอกาสต่อยอดไปยังตลาดต่างประเทศได้จริง ประเทศที่ให้ความสนใจสูงสุด ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย กลุ่มประเทศในอาเซียน รวมถึงตะวันออกกลาง ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ซึ่งต่างเล็งเห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมอาหารไทยทั้งในด้านรสชาติ ความหลากหลาย และมาตรฐานการผลิตที่เป็นสากล โดยเฉพาะตลาดที่ให้ความสำคัญกับอาหารเพื่อสุขภาพและนวัตกรรมยั่งยืน ล้วนมองไทยเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความพร้อมและยืดหยุ่นสูงในภูมิภาคเอเชีย
เมื่อ Soft Power ไทยคือ “รสชาติ” ที่ขายได้จริงในตลาดโลก
ประเทศไทยขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในชาติที่มีวัฒนธรรมอาหารแข็งแกร่งที่สุดในโลก อาหารไทยไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการกิน แต่อยู่ในชีวิตประจำวัน สื่อวัฒนธรรม และเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง งาน THAIFEX จึงเป็นพื้นที่ที่ Soft Power ด้านอาหารไทยได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของอาหารไทยในระดับโลก การเปิดโอกาสให้แบรนด์ไทยแสดงนวัตกรรม และการสร้างเครือข่ายธุรกิจที่เข้มแข็งทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้อาหารไทยกลายเป็นพลังสำคัญที่สร้างรายได้และชื่อเสียงอย่างยั่งยืนในตลาดโลก
หลายแบรนด์ไทย เช่น แม่ศรีเรือน, กะทิชาวเกาะ, ซอสพริกศรีราชา, น้ำปลาแท้, และสินค้าแปรรูปจากทุเรียน มะม่วง รวมถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพรพื้นบ้าน กลายเป็นตัวแทน Soft Power ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มหาศาลในตลาดโลก ด้วยการขยายตลาดสู่ต่างประเทศอย่างต่อเนื่องและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย ทั้งในแง่รสชาติ คุณภาพ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของวัฒนธรรมไทยที่ยังคงรักษาไว้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังมีเวทีเสวนา Thai Select และ Thai Cuisine Pavilion ที่โชว์เทคนิคการทำอาหารไทยให้มีความเป็น Global Taste โดยไม่สูญเสียอัตลักษณ์ ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายอาหารไทยสู่ผู้บริโภคทั่วโลกในแบบร่วมสมัย ทั้งยังเน้นการผสมผสานระหว่างวัตถุดิบท้องถิ่นกับเทคนิคการปรุงอาหารสมัยใหม่ เพื่อสร้างความหลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดอาหารนานาชาติอย่างครอบคลุม พร้อมกันนี้ยังส่งเสริมการเรียนรู้และอนุรักษ์วัฒนธรรมอาหารไทยดั้งเดิมผ่านกิจกรรมเวิร์กช็อป การสาธิตทำอาหาร และการนำเสนอเรื่องราวเบื้องหลังเมนูที่มีความลึกซึ้ง เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วโลกไม่เพียงแต่ลิ้มรส แต่ยังเข้าใจและเห็นคุณค่าของอาหารไทยอย่างแท้จริง
สรุป
THAIFEX – Anuga Asia 2025 คือโอกาสอันยิ่งใหญ่ของธุรกิจอาหารไทยในการก้าวเข้าสู่ตลาดโลกในฐานะผู้เล่นตัวจริง ไม่ใช่แค่ในแง่ของสินค้า แต่ในมุมของแบรนด์ ความคิดสร้างสรรค์ และพลังของ Soft Power
Foretoday พร้อมสนับสนุนทุกแบรนด์ไทยที่ต้องการผลักดันตนเองสู่ตลาดระดับภูมิภาคและระดับโลก ด้วยบริการวางกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล การสร้างคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ การวางแผน Media และการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าอย่างแม่นยำ เพื่อให้คุณไม่พลาดโอกาสสำคัญในโลกธุรกิจอาหารที่แข่งขันกันด้วย “ความแตกต่าง” และ “การมองเห็น” หากคุณอยู่ในธุรกิจอาหารและต้องการเปลี่ยนงานแฟร์ให้กลายเป็นเวทีเปิดตัวธุรกิจ Foretoday คือพาร์ทเนอร์ที่คุณควรมีไว้ในทีม
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://foretoday.asia/