Customise Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorised as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

No cookies to display.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

No cookies to display.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

No cookies to display.

Performance cookies are used to understand and analyse the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

No cookies to display.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customised advertisements based on the pages you visited previously and to analyse the effectiveness of the ad campaigns.

No cookies to display.

Voice Search คืออะไร ปรับใช้กับการทำ SEO ให้ได้ประสิทธิภาพ

ความสำคัญของ Voice Search

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอุปกรณ์อัจฉริยะกำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เทคโนโลยี Voice Search หรือ การค้นหาด้วยเสียง กำลังเป็นที่นิยมและมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้คนหันมาใช้คำสั่งเสียงแทนการพิมพ์ค้นหาเนื่องจากสะดวกและรวดเร็วกว่า ธุรกิจและนักการตลาดออนไลน์จึงต้องให้ความสำคัญกับ Voice Search SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของตนสามารถตอบสนองต่อคำสั่งเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปรับกลยุทธ์ SEO ให้สอดคล้องกับการค้นหาด้วยเสียง เป็นสิ่งจำเป็นในการเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ติดอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหาของ Google ดังนั้น เมื่อใช้บริการรับทำ SEO ควรคำนึงการสร้างคอนเทนต์ให้รองรับ Voice Search SEO ด้วย

Voice Search คืออะไร?

Voice Search คือ เทคโนโลยีการค้นหาข้อมูลผ่านคำสั่งเสียงแทนการพิมพ์ ซึ่งถูกพัฒนาโดยใช้ AI (Artificial Intelligence) และ NLP (Natural Language Processing) เพื่อให้ระบบสามารถแปลงเสียงพูดเป็นข้อความและค้นหาข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ เทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้กับอุปกรณ์หลากหลายประเภท เช่น สมาร์ตโฟน ลำโพงอัจฉริยะ (Smart Speakers) และระบบผู้ช่วยดิจิทัล เช่น Google Assistant, Siri, Alexa และ Cortana ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานและค้นหาข้อมูลได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ด้วยแนวโน้มการใช้งานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน Voice Search กลายเป็นส่วนสำคัญของพฤติกรรมการค้นหาของผู้บริโภค ซึ่งมีการใช้งานมากขึ้นในคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาสถานที่ แนะนำผลิตภัณฑ์ หรือการตั้งค่าการทำงานของอุปกรณ์อัจฉริยะ การที่ธุรกิจปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมการค้นหาแบบใหม่นี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การปรับใช้ Voice Search กับการทำ SEO

  • ใช้คีย์เวิร์ดแบบ Long-tail ที่เป็นภาษาพูด

การค้นหาด้วยเสียงมักใช้ประโยคที่ยาวขึ้นและเป็นภาษาธรรมชาติ เช่น “ร้านกาแฟที่เปิดตอนเช้าใกล้ฉันมีที่ไหนบ้าง?” แทนที่จะเป็นคีย์เวิร์ดสั้น ๆ อย่าง “ร้านกาแฟใกล้ฉัน” ดังนั้น การใช้ Long-tail Keywords หรือคีย์เวิร์ดที่มีลักษณะเป็นประโยคยาวและเป็นภาษาพูดจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับได้ง่ายขึ้น Google AI สามารถประมวลผลและเข้าใจเจตนาของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้นหากเนื้อหาของเว็บไซต์ใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงกับการสื่อสารในชีวิตประจำวัน

  • ปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะกับ Mobile-First Indexing

เนื่องจาก Voice Search ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนอุปกรณ์พกพา เช่น สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต Google จึงให้ความสำคัญกับ Mobile-First Indexing ซึ่งหมายความว่าเว็บไซต์ที่โหลดเร็วและเป็นมิตรกับมือถือจะได้รับการจัดอันดับที่ดีกว่า นักพัฒนาเว็บไซต์ควรปรับแต่งเว็บไซต์ให้รองรับการใช้งานบนมือถือ เช่น การออกแบบเว็บไซต์ให้เป็น Responsive Design ปรับปรุง Page Speed Optimization และใช้ AMP (Accelerated Mobile Pages) เพื่อให้หน้าเว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น

  • ปรับแต่งเนื้อหาให้เป็นรูปแบบคำถาม-คำตอบ (Q&A Format)

Google มักจะเลือกแสดงคำตอบจากเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลในลักษณะคำถาม-คำตอบ ดังนั้นการปรับเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้เป็นลักษณะของ FAQ (Frequently Asked Questions) จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏใน Featured Snippets ซึ่งเป็นตำแหน่งพิเศษที่ Google เลือกแสดงสำหรับคำถามที่พบบ่อย การใช้ประโยคที่เริ่มต้นด้วยคำว่า “อะไร” “เมื่อไหร่” “ที่ไหน” “อย่างไร” “ทำไม” จะช่วยให้เนื้อหาของคุณมีโอกาสถูกเลือกให้เป็นคำตอบสำหรับ Voice Search ได้มากขึ้น

  • ใช้ Conversational Content เพื่อรองรับการสื่อสารของ AI

เนื่องจาก AI ของ Google เช่น Google Assistant และ Siri ถูกออกแบบมาให้สามารถสื่อสารในรูปแบบของการสนทนา (Conversational AI) ได้ เว็บไซต์จึงควรปรับแต่งเนื้อหาให้มีลักษณะ เป็นธรรมชาติและอ่านง่าย เช่น การใช้ภาษาที่เป็นมิตรและไม่เป็นทางการจนเกินไป หรือการใช้คำถามปลายเปิดที่ AI สามารถดึงมาใช้ได้ การทำให้เนื้อหามีโครงสร้างที่ชัดเจนและกระชับช่วยให้ระบบ AI สามารถประมวลผลและเลือกแสดงข้อมูลของคุณได้ดีขึ้น

ข้อดีของการนำเทรนด์ Voice Search มาปรับใช้

การนำ Voice Search มาปรับใช้กับกลยุทธ์ SEO ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ยังช่วยให้เว็บไซต์มีโอกาสได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นบน Google เพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และสร้างโอกาสในการเพิ่มยอดขาย โดยมีข้อดีที่สำคัญดังนี้

  • เพิ่มโอกาสให้ธุรกิจได้รับการค้นหามากขึ้น

การทำให้เว็บไซต์ของคุณรองรับ Voice Search SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสถูกค้นพบมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มจำนวนลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ร้านอาหาร โรงแรม หรือร้านค้าปลีก ผู้ใช้งานมักใช้คำถามที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาตามพื้นที่ เช่น “ร้านอาหารใกล้ฉันที่เปิดตอนกลางคืน” ซึ่งหากธุรกิจของคุณมีการปรับแต่งข้อมูลให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ค้นหา เช่น การเพิ่ม Google My Business และการใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงกับภาษาพูด ก็จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสถูกค้นพบได้ง่ายขึ้น และช่วยเพิ่มอัตราการเข้าชมจากลูกค้าที่กำลังมองหาบริการหรือสินค้าของคุณ

  •  ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับสูงขึ้นบน Google

การปรับแต่งเว็บไซต์ให้รองรับ Voice Search สามารถช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสได้รับตำแหน่ง Featured Snippets ซึ่งเป็นผลการค้นหาที่แสดงอยู่ด้านบนสุดของ Google หรือที่เรียกว่า Position Zero ซึ่งมักจะถูกเลือกให้เป็นคำตอบสำหรับการค้นหาด้วยเสียง การใช้ คีย์เวิร์ดแบบ Long-tail ที่เป็นภาษาพูด ร่วมกับการเขียนเนื้อหาในลักษณะคำถาม-คำตอบ (Q&A) และการใช้ Schema Markup เช่น FAQ Schema และ Local Business Schema จะช่วยให้ Google สามารถเข้าใจและเลือกแสดงเนื้อหาของคุณเป็นผลการค้นหาอันดับต้น ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น

  •  เพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายและ Conversion Rate

หนึ่งในข้อดีที่สำคัญของ Voice Search คือผู้ใช้มักจะเป็นกลุ่มที่มี intent หรือความตั้งใจที่จะซื้อสูงกว่า การค้นหาด้วยการพิมพ์ เนื่องจากผู้ที่ใช้ Voice Search มักจะมีความต้องการเฉพาะเจาะจง เช่น “ซื้อโทรศัพท์รุ่นไหนดี?” หรือ “ร้านซ่อมรถที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ อยู่ที่ไหน?” ซึ่งหมายความว่าหากธุรกิจสามารถปรับแต่งเว็บไซต์ให้รองรับการค้นหาด้วยเสียงโดยใช้ ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภค และใช้ คำถามที่พบบ่อยในคอนเทนต์ของเว็บไซต์ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้าได้ง่ายขึ้น และยังช่วยเพิ่ม Conversion Rate ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • รองรับแนวโน้มการใช้สมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อัจฉริยะ

การค้นหาด้วยเสียงเป็นฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น Google Assistant, Amazon Alexa และ Apple Siri ผู้ใช้สามารถถามคำถามเกี่ยวกับสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพิมพ์ การที่ธุรกิจของคุณรองรับ Voice Search SEO ทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้นบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการค้นหาข้อมูล นอกจากนี้ การที่ Google เริ่มให้ความสำคัญกับ Mobile-First Indexing ยิ่งทำให้การรองรับ Voice Search กลายเป็นสิ่งจำเป็นในการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ได้อย่างเต็มที่

  • สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันกับคู่แข่ง

การทำ Voice Search SEO ยังเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งที่ยังไม่ได้ปรับตัวให้เข้ากับแนวโน้มนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีการแข่งขันสูง หากธุรกิจของคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มแรก ๆ ที่นำ Voice Search มาใช้ ก็จะช่วยให้คุณสามารถสร้างฐานลูกค้าได้ก่อนใคร และเพิ่มโอกาสในการเป็น Top-of-Mind Brand ในสายตาของผู้บริโภค

บริการรับทำ SEO สายขาวที่ ForeToday 

การนำ Voice Search มาปรับใช้กับ SEO มีข้อดีหลายประการ ตั้งแต่การเพิ่มโอกาสในการได้รับการค้นหามากขึ้น ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงขึ้นบน Google เพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายและ Conversion Rate รองรับพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อัจฉริยะ และช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความได้เปรียบในการแข่งขันกับคู่แข่ง ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมการค้นหาของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจะมีโอกาสในการเติบโตและประสบความสำเร็จได้มากกว่า ดังนั้น การทำ SEO ให้รองรับ Voice Search ตั้งแต่ตอนนี้ จะเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอนาคตของธุรกิจในโลกดิจิทัลที่กำลังจะมาถึง หากคุณสนใจในการทำ SEO เพื่อเพิ่มคุณภาพและทำให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าการค้นหา ทาง ForeToday มีบริการรับทำ SEO สายขาวแบบครบวงจร ติดต่อ ForeToday เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการทำ SEO ได้แล้ววันนี้