มัดรวมแหล่งฮีลใจ ดัก Burnout syndrome อาการยอดฮิตของหนุ่มสาวออฟฟิศ

เชื่อว่าหลาย ๆ คนในปัจจุบัน น่าจะเคยได้ยินคำว่า “Burnout Syndrome” จากคนรอบตัวหรือจากในอินเทอร์เน็ตที่มักจะถูกหยิบยกมาเขียนเป็นบทความอยู่บ่อยครั้ง จนบางทีเราก็กลับนึกย้อนมามองตัวเองว่า เราเป็นอีกหนึ่งคนที่มีภาวะแบบนั้นอยู่หรือเปล่า วันนี้ Foretoday จะพาไปรู้จักคำว่า Burnout Syndrome หรือภาวะหมดไฟในการทำงานให้มากยิ่งขึ้น พร้อมมัดรวมวิธีกำจัดภาวะเหล่านี้ให้หมดไปค่ะ

Burnout Syndrome คืออะไร?

คือ ภาวะหมดไฟในการทำงาน ที่เกิดจากการสะสมความเครียดเรื้อรังจากการทำงานและไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้ที่ทำงานมาสักระยะหนึ่งแล้ว โดยอาการที่แสดงออกของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการไม่มีความสุขกับงานที่ทำ มองงานที่ทำอยู่ในเชิงลบ ตีตัวออกห่างจากเพื่อนร่วมงาน ไม่มีแรงจูงใจในการพัฒนาตัวเองต่อไป 

สาเหตุของ Burnout Syndrome เกิดจากอะไร?

1. ภาระงานหนักและปริมาณงานมาก รวมถึงงานมีความซับซ้อน ต้องทำในเวลาเร่งรีบ

2. ขาดอำนาจในการตัดสินใจและมีปัญหาการเรียงลำดับความสำคัญของงาน

3. ไม่ได้รับการตอบแทนหรือรางวัลที่เพียงพอต่อสิ่งที่ได้ทุ่มเทไป

4. รู้สึกไร้ตัวตนในที่ทำงานหรือไม่เป็นส่วนหนึ่งของทีม

5. ไม่ได้รับความยุติธรรม ขาดความเชื่อใจและการเปิดใจยอมรับกัน

6. ระบบบริหารในที่ทำงานที่ขัดต่อคุณค่าและจุดมุ่งหมายในชีวิตของตนเอง

นอกจากนี้บุคคลที่มีนิสัยการทำงานที่ยึดติดความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ไม่มีความยืดหยุ่น (Perfectionist) ก็สามารถมีภาวะเหล่านี้ได้เช่นกัน

ที่มา https://www.rajavithi.go.th/rj/?p=16953

วิธีการป้องกันการเกิด Burnout Syndrome

1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ทำงานก่อนเวลานอนประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้สมองได้ผ่อนคลาย หยุดคิดเรื่องงาน 

2. รับประทานอาหาร 5 หมู่ อาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ รวมไปถึงให้รางวัลตัวเองในการได้ทานอาหารที่ชอบด้วย

3. หากิจกรรมอื่นทำ ให้ตัวเองได้พักผ่อนบ้าง เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ออกกำลังกาย ออกไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง

4. ปรับทัศนคติในการทำงาน ทั้งตัวเนื้องานและองค์กรที่ทำงานด้วย

5. กล้าที่จะเปิดใจให้คนรอบข้างรวมไปถึงเพื่อนรวมงานหรือหัวหน้างานในการเล่าหรือระบายเรื่องราวของตนเองให้ฟัง พยายามหลีกเลี่ยงความคิดเห็นในแง่ลบและต่างฝ่าย ต่างรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน

ที่มา https://bit.ly/3sSl4wO

นอกเหนือจากวิธีการป้องกันและกำจัด Burnout Syndrome ข้างต้นแล้ว วันนี้ Foretoday ได้รวบรวมแหล่งสื่อต่าง ๆ ที่จะมาช่วยเติมไฟให้งานของคุณกลับมาสนุกและท้ายทายอีกครั้งค่ะ

หนังสือ 3 เล่มที่คนกำลังหมดไฟ ต้องอ่าน

1. Work life balance ด้วยการหยุดพักจริง ๆ

หนังสือเล่มนี้จะรวบรวมวิธีการพักผ่อนในทุก ๆ ช่วงที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน เช่น วิธีการพักผ่อนระหว่างวัน วิธีการพักผ่อนในวันหยุด รวมไปถึงวิธีการสลัดเรื่องงานออกจากหัวอีกด้วย ซึ่งเล่มนี้ก็จะมีทริกเล็ก ๆ น้อย ๆ เข้ามาเสริมรวมกับวิธีเบสิกที่เราอยู่แล้ว แต่ว่าเราดันทำไม่ได้ซะเอง

2. I Hate My Job อย่าปล่อยให้งานเป็นมารร้าย

หนังสือเล่มนี้เป็นการพาเราไปฟังเรื่องราวของผู้เขียนที่เคยเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งที่เข้าใจว่างานในยุค Gen Y สมัยนี้นั้นเป็นมารร้ายมากกว่าสมัยก่อน พาไปเจอเหตุการณ์ทั้งดีและไม่ดี ตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนถึงเรื่องใหญ่ที่ไม่ใช่มีแค่เราเป็นปัจจัยเดียวที่ก่อให้เกิดความเครียดกับงาน มีทั้งเพื่อนร่วมงาน ลูกค้า รวมไปถึงยังบอกวิธีการแก้ปัญหาอีกด้วย

3. Keep going คิดแบบคนที่ถอยหลังไม่เป็น

หนังสือเล่มนี้จะรวบรวมข้อความที่จะคอยฉุกคิดและเตือนสติเราในยามที่เรารู้สึกท้อแท้กับสิ่งที่ทำ บอกวิธีการเปลี่ยนจากความคิดลบนั้นเป็นความคิดบวกรวมไปถึงกิจกรรมต่าง ๆ ถ้าเราทำ แล้วมันจะดีกับตัวเราเอง เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หาสถานที่เงียบสงบในแต่ละวัน

2 ช่องพอดแคสต์ที่จะพาคุณไปรู้จักตัวเองกับ Burnout Syndrome

1. Mission to the moon

  • ตอน หลีกเลี่ยง “ภาวะหมดไฟ” ตามนิสัย 8 ประเภท | Mission To The Moon EP.1390

ฟังฉบับเต็มได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=IprhWqUaipk&t=4s

  • ตอน Burnout คืออะไร แก้ปัญหายังไงดี? | Mission To The Moon Remaster EP.12

ฟังฉบับเต็มได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=v2sZPOJG064

  • ตอน รับมือกับความรู้สึกเหนื่อยที่มากเกินไป | Mission To The Moon EP.1058

ฟังฉบับเต็มได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=_APCkV6dnbo

2. The Standard

  • ตอน วิธีจัดการกับตัวเองเมื่อ “หยุดคิดไม่ได้” “หยุดเครียดไม่ได้” “เหนื่อยไม่รู้สาเหตุ” | คำนี้ดี EP.447

ฟังฉบับเต็มได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=-UcNX1_Z0Fg

  • ตอน ค่อยๆ ก้าวออกจากหลุมความคิดลบ | ความสุขโดยสังเกต EP.29

ฟังฉบับเต็มได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=imXYv2zLyQc

  • ตอน Burnout จากการทำงาน อ่านเล่มไหนดี | Readery EP.40

ฟังฉบับเต็มได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=G3JyKKcPLcY

ภาพยนตร์ 5 เรื่อง ปลุกไฟการทำงานในตัวคุณ

1. The Intern (Netflix)

เรื่องราวเกี่ยวกับชายอายุ 70 ปีที่รู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตวัยเกษียณ ที่มีนิสัยน้ำไม่เต็มแก้วจนวันหนึ่งตัดสินใจสมัครงานในโครงการ Senior Citizen Intern ของบริษัทสตาร์ทอัพธุรกิจเสื้อผ้า ระหว่างทางก็ต้องเจอกับปัญหามากมายที่ตอนแรกคนรุ่นใหม่ก็ไม่เชื่อและไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ได้นำประสบการณ์ของชายคนนั้นมาปรับใช้จนประสบความสำเร็จได้ เรื่องนี้ก็ทำให้คน Gen Y อย่างเราลุกขึ้นสู้ อยากพัฒนาตัวเองให้ได้เหมือนคุณลุงวัย 70 เลยทีเดียว

2. Itaewon class (Netflix)

เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งโดนครอบครัวของเพื่อนร่วมห้องทำลายชีวิตทั้งติดคุกและพ่อเสียชีวิต จึงทำให้เค้าหาทางแก้แค้นและล้มธุรกิจของเพื่อนร่วมห้องคนนั้น โดยระหว่างทางก็โดนกลั่นแกล้งและเกิดอุปสรรคตลอด แต่เค้าก็เอาตัวรอดมาได้ จนสุดท้ายสามารถประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับของครอบครัวนั้น เรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราเจอมันน้อยนิดมากถ้าเทียบกับในเรื่อง ทำให้เราหันกลับมามองตัวเองดีขึ้นเยอะเลย

3. Fight For My Way (Netflix, iQIYI, Wetv, Viu)

เรื่องราวเกี่ยวกับวัยรุ่น 4 คนที่เดินทางตามความฝันในเส้นทางที่แตกต่างกัน ระหว่างทางก็เจอปัญหาและอุปสรรคที่พอเราดูแล้วเป็นประสบการณ์คล้ายกันกับคน Gen Y อย่างเราเจอเลย ทั้งการดิ้นรนใช้ชีวิตในเมือง การที่สมัครงานแล้วไม่ผ่าน ดูแล้วหลาย ๆ คนน่าจะอินได้ไม่ยาก

4. The secret life of Walter Mitty (Disney+)

เรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่มออฟฟิศคนหนึ่งที่อยู่ในตำแหน่งเดิมมานาน ใช้ชีวิตซ้ำเดิม จำเจแค่เดินทางไปทำงาน กลับบ้านกินข้าวเป็นแบบนั้นอยู่ทุกวัน ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับการยกย่องถึงการทำงานที่เยี่ยมยอด จนวันหนึ่งเค้ามีสิ่งที่ต้องตามหาที่จำเป็นที่จะต้องออกไปผจญภัยท่องโลกกว้าง นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขารู้ว่าบนโลกของเรามีอะไรอีกเยอะที่นอกเหนือจากการทำงานในออฟฟิศ

5. Tick, Tick… Boom (Netflix)

เรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังจะเข้าวัย 30 ปี แต่ ณ เวลานั้นเขายังไม่ประสบความสำเร็จกับชีวิตใด ๆ เลย ต้องทำงานร้านอาหารเพื่อเลี้ยงชีพไปวัน ๆ ขณะที่อีกฟากหนึ่งของจิตวิญญาณ ก็มีความทะเยอทะยาน มีความฝันเต็มเปี่ยม ที่จะทำละครเวทีมิวสิคัล และทำทุกอย่างเพื่อจะได้เขียนบทละครให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้จะพาให้เราไปปรับความคิดปรับมุมมองว่าเราไม่จำเป็นที่จะต้องเอาตัวเลขมายึดติดถึงความสำเร็จนั้น ๆ เชื่อว่าถ้าหลายคนมาดูแล้วจะต้องได้ข้อคิดไปเยอะแน่นอน

สรุป

ถ้าหากใครที่เริ่มเข้าสู่ภาวะหมดไฟในการทำงานหรือมีคนรอบข้างที่กำลังเป็นอยู่ก็อยากให้ลองนำข้อแนะนำด้านบนไปลองทำกันดูนะคะ อยากให้ทุกคนไม่กดดันตัวเองมากเกินไป ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เชื่อว่าถ้าหากเราทำเต็มที่แล้ว ไม่มีอะไรจะต้องมาเสียใจและกดดันตัวเองที่หลัง Foretoday หวังว่าทริคเล็ก ๆ น้อยรวมถึงแหล่งสื่อต่าง ๆ ที่เราให้มาวันนี้ จะช่วยเพื่อน ๆ ได้ไม่มากก็น้อยนะคะ

สัปดาห์หน้า Foretoday จะมาบทความเรื่องอะไร รอติดตามกันได้เล้ย

ใน EP หน้า Foretoday จะมาเขียนบทความเรื่องอะไร รอติดตามได้เลย!
Line@: bit.ly/ForeToday
FB Chat: http://m.me/foretoday
“A better tomorrow starts today “