คนโสดก็มีหัวใจ กับ แคมเปญคนโสดในวันวาเลนไทน์ “Anti-Valentine’s Day”

คนโสดก็มีหัวใจ กับ แคมเปญ Anti-Valentine’s Day ในวันแห่งความรักในวันที่ 14 กุมภาพันธ์  เป็นวันที่คนทั่วไปเข้าใจกันดีว่าเป็นวันแห่งความรัก วันสำหรับคนมีคู่ ที่ธุรกิจต่างๆพากันออกแคมเปญสำหรับคู่รักทุกหนทุกแห่ง แต่ในโลกปัจจุบันที่คนโสดก็สามารถมีความสุขได้เช่นเดียวกับผู้มีคู่ ดั้งนั้น Foretoday ขอนำเสนอไอเดียและโอกาสที่จะทำการตลาดออนไลน์ที่เน้นไปที่คนโสด คนไม่มีคู่ และผู้ที่รักตนเองในวันแห่งความรักนี้กัน

โดยการตลาดรูปแบบนี้เรียกว่า Anti-Valentine’s Day Marketing เป็นแคมเปญสำหรับคนโสดและคนที่รักตนเองที่มีความต้องการและความสนใจในวันแห่งความรักที่แตกต่างออกไป โดยเน้นที่ความเป็นอิสระ ทัศนะคติเชิงบวกต่อความโสด หรือจะเป็นข้อความประชดเสียดสีคนมีคู่แบบขำๆ เฮฮาตามประสาคนโสดก็ได้

มารู้จักกับ Single Consumer ใน Solo Economy ที่จะเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญสำหรับแคมเปญ Anti-Valentine’s Day

โดยอีกหนึ่งเทรนด์ทางการตลาดที่เป็นเราอยากจะยกพูดควบคู่กันไป คือ Solo Economy โดยเฉพาะในกลุ่ม Single Consumer หรือเรียกได้อีกชื่อว่า “สังคมคนโสด” ที่เป็นอีกหนึ่งกลุ่มลูกค้าหลักของแคมเปญการตลาด Anti-Valentine’s Day ซึ่งเทรนด์ Solo Economy เกิดจากการเพิ่มขึ้นของผู้บริโภคที่เลือกที่จะอยู่คนเดียว ไม่มีคู่ ไม่มีลูก หรือเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแทนลูก       

โดย 3 Segment หลักของ Single Consumer ใน Solo Economy และ 3 สิ่งที่เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตของพวกเขาคือ

1) โสดสุดปัง รายได้สูง 

1.การใช้ชีวิตประจำวัน
2.ความสัมพันธ์รอบตัวในแต่ล่ะวัน
3.สินค้าสะดวกซื้อเพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต

2) หนุ่มสาวรักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน

1.ทำงานหนักเพื่อความก้าวหน้า
2.การรักและดูแลตัวเอง
3.เพื่อนฝูง

3) คนที่ย้ายเข้าเมืองหาเงินเพื่อส่งกลับบ้าน

1.การอยู่อย่างเอกเทศ
2.การทำงานหนัก
3.สินค้าสะดวกซื้อเพื่อความสะดวกในการใช้ชิวิต


ใน Solo Economy คนโสดไม่เพียงแค่มีความสุขด้วยความอิสระและการรักตัวเอง, แต่ยังพร้อมที่จะเปย์เต็มที่เพื่อความสุขของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว, การกิน, หรือการช้อปปิ้ง, ทุกสิ่งนี้มีที่มาจากความไม่มีพันธะหรือความผูกมัดทางครอบครัว. ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติแสดงให้เห็นว่า คนโสดมีรายจ่ายในการบริโภคสูงกว่าคนมีครอบครัวเฉลี่ยถึง 11%, โดยเฉพาะในการท่องเที่ยวที่มีรายจ่ายสูงกว่าคนมีครอบครัวถึง 40% ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวในหรือต่างประเทศ. ค่าใช้จ่ายสำหรับความบันเทิงอื่นๆ เช่น เลี้ยงสัตว์, ดูหนัง ก็มากกว่าคนมีครอบครัวเช่นกัน.

ในเมื่อเราที่รู้จักกลุ่มลูกค้ากันแล้ว โดยทาง Foretoday ขอแนะนำวิธีการจับใจของกลุ่มลูกค้าผู้ถือตนเป็นโสดในโอกาสวันแห่งความรักกันครับ

1.สินค้าและบริการที่เน้นการทำให้รู้สึกดีต่อตนเอง: เน้นให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณส่งเสริมความเป็นอิสระและความสุขสำหรับคนโสด แบ่งปันเรื่องราวของคนที่รักตนเองและพบความสุขในชีวิตโสดเช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว สปา อาหารเพื่อสุขภาพ การออกกำลังกาย หรือจะเป็นการฉีดโบท็อกหรือ ฟิลเลอร์ต่างๆเพื่อความมั่นใจ

2.โปรโมชั่นที่ทำให้คนโสดรู้สึกพิเศษ: เสนอโปรโมชั่นหรือข้อเสนอพิเศษสำหรับคนโสดที่มีการใช้บริการคนเดียว, เช่น ส่วนลดพิเศษหรือบริการเพิ่มเติมฟรีหรือจะเป็นโปรโมชั่นสำหรับมา 2 จ่าย 1 หรือ มา 4 จ่าย 3 สำหรับผู้ที่มาเป็นกลุ่มเพื่อน

3.การสื่อสารที่เป็นกันเอง: ใช้ Social Media หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ เพื่อสื่อสารโครงการ Anti-Valentine’s Day ของคุณในลักษณะที่เป็นกันเอง เพื่อสร้างรู้สึกร่วมกับสังคมคนโสดออนไลน์ และสะท้อนถึงคุณค่าของความโสดและความอิสระ

4.การสร้างความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์: พูดถึงถึงความสัมพันธ์แบบเพื่อน, อาจารย์, หรือความสัมพันธ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความรักเชิญชวนคนโสดมาร่วมสนุกและเชื่อมโยง

5.การสร้างแรงจูงใจด้วยข้อมูลสถิถิ: อ้างอิงข้อมูลจากสถิติที่ระบุว่าคนโสดมีรายจ่ายสูงกว่าในบางด้าน เน้นว่าการใช้เวลาและเงินในการดูแลตัวเองไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิดพลาด

6.ส่งเสริมความเป็นโสดอย่างมีความสุข: เน้นว่าความโสดไม่ใช่ว่าจะเศร้าอยู่คนเดียวเสมอไป แต่เป็นรูปแบบการดำรงชีวิตที่สมบูรณ์แบบและมีคุณค่า

และในท้ายนี้ แคมเปญ Anti-Valentine’s Day ที่เราได้แนะนำไม่เพียงเป็นโอกาสให้คนโสดและคนที่รักตนเองสร้างความสุขในวันแห่งความรัก, แต่ยังเป็นการส่งเสริมความหลากหลายของความรักและความสุขในทุกสไตล์ของชีวิต ดังนั้น, ในวันที่เต็มไปด้วยรัก, ความอิสระ, และความสุข, เราหวังว่าทุกคนจะพบเจอความสุขที่แท้จริงและรักที่คุ้มค่าที่สุดในทุกช่วงเวลาของชีวิตครับ 🙂

และสำหรับคนที่กำลังมองหา ไอเดียการตลาด Valentine’s Day สามารถคลิก 15 ไอเดียการตลาด Valentine’s Day ได้เลยยย

Ref:
https://bit.ly/47PTzFA
https://bit.ly/47G1LZb
https://bit.ly/427Y1yi

Line@: bit.ly/ForeToday
FB Chat: http://m.me/foretoday

“A better tomorrow starts today”