Customise Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorised as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

No cookies to display.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

No cookies to display.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

No cookies to display.

Performance cookies are used to understand and analyse the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

No cookies to display.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customised advertisements based on the pages you visited previously and to analyse the effectiveness of the ad campaigns.

No cookies to display.

“นปโปะหม่ำ ๆ หม่ำ ๆ กู๊ดบอย” จากเสียงเพลงสู่เสียงเงิน กลยุทธ์โฆษณาด้วยเพลงที่ใช่

“นปโปะหม่ำ ๆ หม่ำ ๆ กู๊ดบอย” จากเสียงเพลงสู่เสียงเงิน กลยุทธ์โฆษณาด้วยเพลงที่ใช่

กระแสไวรัลดัง ‘นปโปะหม่ำ ๆ ‘ ปรากฏการณ์ไวรัลที่กำลังครองใจชาวโซเชียล! จากคลิป TikTok สุดน่ารักของ ‘น้องนปโปะ’ คอร์กี้ตัวจิ๋วที่ไม่ยอมกินข้าว สู่บทเพลงเชียร์สุดฮาของเจ้าของที่หมดหนทางแก้ไขปัญหา กลายเป็นเสียงเพลงติดหูที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในโลกออนไลน์ ด้วยความน่ารักและความตลกขบขันของคลิปนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ชม แต่ยังเป็นความสุขและความสนุกสนานให้กับชาวเน็ตทั่วประเทศด้วย โดยปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังของ ‘Music Marketing’ กลยุทธ์การตลาดที่ใช้เสียงเพลงในการสื่อสารแบรนด์อย่างมีประสิทธิภาพ มาร่วมไขปริศนาความสำเร็จของ ‘นปโปะหม่ำ ๆ ‘ และเรียนรู้เคล็ดลับการสร้างกระแสไวรัลที่ครองใจผู้คนไปด้วยกัน!!!

นปโปะกับคุณพ่อเจ้าของบทเพลงสุดฮิต

ปัจจัยอะไรที่ทำให้เพลงฮิตติดหู

เพลงใหม่ ๆ ที่ผลิตออกมาตามช่องทางต่าง ๆ มีอยู่มากมายแต่ไม่ใช่ว่าทุกเพลงจะเป็นที่น่าจดจำของคนหมู่มาก เรามาดูกันดีกว่าว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้เพลงเพลงนึงกลายเป็นเพลงฮิตติดกระแส ติดหูติดใจใครหลาย ๆ คน

  1. ท่วงทำนองที่ติดหู

เพลงที่ฮิตมักจะมีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อน เช่น มีท่อนฮุค (hook) ที่เด่นชัด ใช้การซ้ำของท่วงทำนองหรือโน้ตดนตรีที่จดจำง่าย อาจมีการใช้เทคนิค เช่น “earworm” ซึ่งเป็นส่วนของเพลงที่เล่นวนในหัวผู้ฟัง รวมถึงใช้ช่วงเสียงที่คนทั่วไปร้องตามได้ ไม่สูงหรือต่ำเกินไป

  1. เนื้อเพลงที่โดนใจ

เนื้อเพลงที่สื่อถึงอารมณ์สากล เช่น ความรัก ความเศร้า หรือความสุข ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย แต่อาจมีความลึกซึ้งหรือเล่นคำอย่างชาญฉลาด สะท้อนประสบการณ์ร่วมของคนในสังคมหรือวัฒนธรรมนั้น ๆ และอาจมีการใช้คำคมหรือประโยคที่จดจำง่ายและน่าประทับใจ

  1. จังหวะที่ชวนเต้น

มี BPM (Beats Per Minute) ที่กระตุ้นการเคลื่อนไหว เช่น 120-130 BPM สำหรับเพลงป็อป ใช้จังหวะที่เน้นและสม่ำเสมอ ทำให้ร่างกายอยากขยับตาม มีการเปลี่ยนแปลงจังหวะในบางช่วงเพื่อสร้างความน่าสนใจ ใช้เครื่องดนตรีหรือเสียงที่เน้นจังหวะชัดเจน เช่น กลอง เบส

  1. กระแสโซเชียลมีเดีย

การที่เพลงเป็นกระแสได้นั้นอาจเป็นเพราะเพลงนั้นถูกใช้ในการทำ Challenge หรือเทรนด์บน TikTok Instagram Reels หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ มีการแชร์และรีมิกซ์โดยผู้ใช้โซเชียลมีเดียช่วยเพิ่มการเข้าถึง หรือตัวศิลปินเองอาจเป็นผู้สร้างคอนเทนต์พิเศษเพื่อส่งเสริมการแชร์เพลง รวมไปถึงเรื่องของการติด hashtag หรือ trending topic บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ด้วย

  1. ความแปลกใหม่

การผสมผสานแนวดนตรีที่ไม่เคยมีมาก่อน ใช้เครื่องดนตรีหรือเสียงที่ไม่ค่อยได้ยินในเพลงทั่วไป นำเสนอมุมมองหรือเรื่องราวที่ไม่ค่อยมีในเพลงอื่น หรือมีการทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ในการสร้างหรือนำเสนอเพลงก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เพลงติดหูได้เช่นกัน

  1. ช่วงเวลาที่เหมาะสม

บางครั้งแค่ออกเพลงมาถูกที่ถูกเวลาก็ดังได้แล้ว เพราะเพลงอาจบังเอิญไปสอดคล้องกับเหตุการณ์สำคัญทางสังคมหรือการเมือง ออกมาในช่วงที่ผู้ฟังกำลังต้องการเนื้อหาหรืออารมณ์แบบนั้นพอดี ตรงกับเทศกาลหรือฤดูกาลที่เหมาะสม เช่น เพลงคริสต์มาสในช่วงปลายปี หรือสอดคล้องกับกระแสวัฒนธรรมปัจจุบัน เช่น แฟชั่น หรือเทรนด์ทางสังคมชั่น หรือเทรนด์ทางสังคม

Music Marketing

Music marketing คือการนำเพลงที่กำลังเป็นที่นิยมในช่วงนั้น ๆ มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การโปรโมตสินค้าหรือบริการ เพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างความเชื่อมโยงกับลูกค้า ตัวอย่างเช่น ร้านค้าหรือแบรนด์สามารถใช้เพลงฮิตเป็นเพลงประกอบในโฆษณา วิดีโอโปรโมต หรือกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การนำเพลงนปโปะหม่ำ ๆ มาใช้โฆษณา GrabFood ในแพลตฟอร์ม TikTok ทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับสินค้าเพราะคุ้นเคยและชื่นชอบเพลงนั้น นอกจากนี้ยังสามารถจัดกิจกรรมที่มีการแสดงสดหรือใช้เพลงฮิตในงาน เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาร่วมงานและสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มโอกาสให้สินค้าหรือบริการได้รับความสนใจและยอดขายที่สูงขึ้น 

นปโปะกับการโฆษณา GrabFood

การเอามาประยุกต์ใช้ในการทำโฆษณา

การใช้ดนตรีในการทำการตลาดสามารถสร้างความเชื่อมโยงกับผู้บริโภคผ่านความรู้สึกได้ การทำ Music Marketing สามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การจัดคอนเสิร์ต การประกวดวงดนตรี หรือการทำเพลงโฆษณา (jingles) สำหรับแบรนด์หรือสินค้า นอกจากนี้ ดนตรียังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลงหรือการใช้โซเชียลมีเดีย ด้วยเหตุนี้ การทำ Music Marketing จึงสามารถเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้บริโภคและนำประโยชน์มาให้ธุรกิจได้ดังนี้:

  1. สร้างภาพลักษณ์และตัวตนให้แบรนด์ 

แน่นอนว่าเสียงเพลงเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคได้รู้จักแบรนด์นั้น ๆ มากขึ้น ว่าขายอะไร มีจุดเด่นยังไง และมี “ตัวตน” เป็นแบบไหน เช่น “แลคตาซอย 5 บาท 125 มิลลิลิตร ปริมาณคับกล่องเต็มที่ ดื่มได้ดื่มดี ดื่มแลคตาซอย 5 บาท”

  1. สร้างยอดขาย และ Brand Loyalty 

เพราะพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของคนเรา ไม่ได้สนใจแค่ function เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของ emotion เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเสียงเพลงก็สามารถส่งผลต่ออารมณ์ของผู้บริโภคได้ และทำให้เกิดการทดลองซื้อ จนถึงการซื้อซ้ำได้

  1. สร้างการมีส่วนร่วมให้กับผู้บริโภค

หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมคือการใช้เพลงประจำแบรนด์หรือเพลงที่สร้างขึ้นเฉพาะสำหรับแคมเปญการตลาด มาทำเป็น Challenge ให้ผู้ชมได้เล่นและแชร์กันบนโซเชียลมีเดีย การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมกับแบรนด์อย่างใกล้ชิด แต่ยังช่วยให้เกิดกระแสการพูดถึงในวงกว้างอีกด้วย ตัวอย่างเช่น การทำ Challenge บนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่มีความชื่นชอบในดนตรีและการเต้น ผู้ใช้สามารถนำเพลงของแบรนด์ไปสร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ ๆ ตามไอเดียของตัวเอง และแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้ดูและร่วมสนุก การสร้าง Challenge แบบนี้ช่วยให้เกิดการมีส่วนร่วมแบบหลายชั้น ทั้งการสร้างคอนเทนต์ การแชร์ และการพูดถึง ทำให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จักและจดจำได้ในวงกว้างอย่างรวดเร็ว 

สรุป

Music Marketing คือการใช้ดนตรีเป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค ด้วยภาษาสากลที่เข้าถึงคนได้ทุกเพศทุกวัย โดยเพลงจะโดนใจได้มักประกอบด้วยทำนองที่ติดหู เนื้อหาสื่อสารตรงใจ และจังหวะชวนเต้น และใช้พลังของกระแสโซเชียลมีเดียเป็นตัวขับเคลื่อน การประยุกต์ใช้ Music Marketing สามารถสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ เพิ่มยอดขาย สร้างความภักดี และกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

References:

https://www.everydaymarketing.co/pr/5-music-marketing-strategies

https://www.creativethailand.org/article-read?article_id=33702

https://stepstraining.co/content/music-marketing-strategy

https://www.thairath.co.th/news/society/280132

สนใจปรึกษาเรื่องการตลาดออนไลน์กับทีมผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อทีมงาน ForeToday ได้ตาม contact ทางด้านล่างได้เลย!

Line@ : bit.ly/ForeToday 

FB Chat : http://m.me/foretoday 

“A better tomorrow starts today”

แหล่งที่มา