เมื่อสัตว์เลี้ยงไม่ใช่แค่สัตว์ แต่คือ “ลูก” ของคนยุคนี้
ในยุคที่ค่านิยมของการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิม คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่ม Millennials และ Gen Z เลือกที่จะไม่แต่งงานหรือไม่มีบุตร ด้วยเหตุผลด้านอิสรภาพทางการเงิน ความมั่นคงของชีวิต และสภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ “สัตว์เลี้ยง” กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ความผูกพันทางใจได้อย่างลงตัว
รายงานจาก TGM Research (2024) ระบุว่า กว่า 70% ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงในไทยอายุต่ำกว่า 35 ปี และมากกว่า 60% ระบุว่าสัตว์เลี้ยงของตนคือ “ครอบครัว” หรือ “เหมือนลูกคนหนึ่ง” แสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่ชัดเจนว่า สำหรับคนรุ่นใหม่แล้ว ความสัมพันธ์กับสัตว์เลี้ยงลึกซึ้งและสำคัญไม่แพ้ความสัมพันธ์กับมนุษย์
เจาะลึกพฤติกรรมการใช้จ่าย: ทำไมคนถึงยอมจ่ายแพงเพื่อสัตว์เลี้ยง
การเติบโตของ Pet Economy สะท้อนผ่านพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน จากเดิมที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงอาจซื้อเพียงอาหารหรือของเล่นธรรมดา ปัจจุบันสินค้าและบริการสำหรับสัตว์เลี้ยงถูกยกระดับเป็นแบบ “พรีเมียม” หรือ “เฉพาะบุคคล (personalized)” เช่น อาหารสูตรเฉพาะ บริการสปา และประกันสุขภาพสัตว์เลี้ยง
ตัวอย่างพฤติกรรมการใช้จ่าย:
- อาหารพรีเมียม ปราศจากสารกันเสีย หรือสูตรเฉพาะตามสายพันธุ์
- บริการสปา อาบน้ำ ทำเล็บ ทรีตเมนต์ขน
- ประกันสุขภาพสัตว์เลี้ยง
- แฟชั่นสัตว์เลี้ยง เสื้อผ้า รองเท้า หมวก
- โรงแรมสัตว์เลี้ยงระดับหรู มีพี่เลี้ยงคอยดูแล 24 ชม.
- งานวันเกิดสัตว์เลี้ยงและเค้กเฉพาะสำหรับน้องหมาแมว
จากรายงานของ Grand View Research (2023) พบว่ามูลค่าตลาดบริการสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยอยู่ที่ราว 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 11.1% ต่อปี จนแตะระดับ 166.8 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2030
ในอีกด้านหนึ่ง รายงานจาก Newsweek (2024) ยังเผยว่า 34% ของ Millennials และ 29% ของ Gen Z ในสหรัฐฯ อยู่ในหนี้เพราะค่าใช้จ่ายสัตว์เลี้ยง แสดงให้เห็นว่าสัตว์เลี้ยงไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งของชีวิต แต่คือ “ภาระทางใจ” ที่เจ้าของยินดีรับผิดชอบอย่างไม่มีข้อแม้
ธุรกิจที่โตตามกระแส Pet Economy: โอกาสใหม่ในตลาดพันล้าน
พฤติกรรมการใช้จ่ายของเจ้าของสัตว์เลี้ยงในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากเดิมที่เน้นค่าใช้จ่ายพื้นฐาน เช่น อาหารและวัคซีน ปัจจุบันเจ้าของสัตว์เลี้ยงยอมจ่ายเพื่อสินค้าพรีเมียมและบริการเฉพาะทาง เช่น อาหารสูตรเฉพาะ บริการสปา และประกันสุขภาพสัตว์เลี้ยง
ประเทศไทยถือเป็นตลาด Pet Economy ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ระบุว่ามูลค่าการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงไทยในปี 2023 สูงถึง 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะทะลุ 2.5 พันล้านในปี 2024
ธุรกิจที่เติบโตจากกระแสนี้ ได้แก่:
- ผู้ผลิตอาหารสัตว์พรีเมียม เช่น Jerhigh, SmartHeart
- คลินิกสัตวแพทย์และโรงพยาบาลสัตว์ที่ให้บริการเฉพาะทาง
- Pet Café และร้านคาเฟ่ที่ต้อนรับสัตว์เลี้ยงเข้าได้
- Marketplace ออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada ที่มีหมวด Pet Supplies เติบโตต่อเนื่อง
- สตาร์ทอัพเกี่ยวกับสุขภาพสัตว์ เช่น Pet Insure, Vet app
ในระดับโลก Amazon, Chewy, และ Petco ก็ได้ลงทุนขยายตลาดสัตว์เลี้ยงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงหลังโควิด-19 ซึ่งผู้คนหันมาเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นกว่า 30% ในหลายประเทศ
มุมมองจิตวิทยาและสังคม: สัตว์เลี้ยงคือคำตอบของชีวิตที่วุ่นวาย?
จากมุมมองจิตวิทยา ในยุคที่ผู้คนต้องเผชิญกับความเครียดและความโดดเดี่ยว สัตว์เลี้ยงกลายเป็นที่พึ่งทางใจที่สำคัญ การมีสัตว์เลี้ยงช่วยลดความเครียด เพิ่มความสุข และสร้างความรู้สึกเป็นที่รักและมีคุณค่า การมีสัตว์เลี้ยงช่วยบรรเทาความเหงาและลดความเครียดได้อย่างมีนัยสำคัญ งานวิจัยจาก University of York และ Lincoln ระบุว่า 89% ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงกล่าวว่าสัตว์ของพวกเขาช่วยให้รู้สึก “มั่นคงทางอารมณ์” มากขึ้นในช่วงล็อกดาวน์ สัตว์เลี้ยงให้ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข (unconditional love) ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากจากความสัมพันธ์ในสังคมมนุษย์ยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อความเปราะบางทางจิตใจและอัตราภาวะซึมเศร้าสูงขึ้นในหมู่คนรุ่นใหม่
ในอีกด้านหนึ่ง การเลี้ยงสัตว์ยังช่วยให้เจ้าของรู้สึกถึง “ความรับผิดชอบ” ที่ไม่ใหญ่เกินไปเหมือนการมีลูก แต่ก็ยังคงเป็นภารกิจที่ให้ความหมาย เช่น การให้อาหาร อาบน้ำ หรือพาไปฉีดวัคซีน ซึ่งล้วนเสริมสร้างความรู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่า
สรุป
Pet Economy ไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่คือปรากฏการณ์ที่สะท้อนการเปลี่ยนผ่านทางสังคมและค่านิยมของคนยุคใหม่อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ระดับพฤติกรรม ความสัมพันธ์ จิตวิทยา ไปจนถึงโอกาสทางเศรษฐกิจสัตว์เลี้ยงไม่ได้เป็นเพียงแค่ “เพื่อนคลายเหงา” อีกต่อไป แต่คือ “ลูก” ที่ได้รับความรัก การดูแล และงบประมาณแบบจัดเต็มจากเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การรักษา หรือการสร้างประสบการณ์ชีวิตร่วมกัน ธุรกิจใดที่สามารถเข้าใจ Insight ของคนรุ่นใหม่ และพัฒนา “สินค้า + บริการ + อารมณ์” ได้อย่างครบวงจร จะสามารถเติบโตไปพร้อมกับกระแส Pet Economy ที่ยังไม่มีทีท่าจะชะลอตัวในเร็ววัน
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการได้ที่: https://foretoday.asia/