Customise Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorised as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

No cookies to display.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

No cookies to display.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

No cookies to display.

Performance cookies are used to understand and analyse the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

No cookies to display.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customised advertisements based on the pages you visited previously and to analyse the effectiveness of the ad campaigns.

No cookies to display.

SEM-คืออะไร-รู้ครบใน-3-นาที

SEM คืออะไร ? รู้ครบจบใน 3 นาที

1. SEM คืออะไร ?

SEM (Search Engine Marketing) คือ การทำการตลาดออนไลน์ที่เน้นโฆษณาผ่านเครื่องมือค้นหา เช่น Google, Yahoo, หรือ Bing เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ผ่านการแสดงผลโฆษณาในตำแหน่งพิเศษที่โดดเด่นบนหน้าค้นหา ช่วยให้เว็บไซต์ของธุรกิจติดอันดับต้น ๆ เมื่อลูกค้าค้นหาสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง

วิธีการทำ SEM
SEM ใช้ระบบการประมูลคำค้นหา (Keyword Bidding) โดยผู้โฆษณาจะเสนอราคาสำหรับคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ซึ่งเมื่อมีการค้นหาคำนั้น ๆ โฆษณาจะปรากฏขึ้นในตำแหน่งบนสุดของผลการค้นหา โดยผู้ลงโฆษณาจะถูกเรียกเก็บเงินเมื่อมีการคลิกโฆษณา (Pay-Per-Click: PPC) สรุปง่าย ๆ เห็นเท่าไหร่ก็ได้ ไม่คลิกไม่เสียเงิน


2. ประเภทของการทำ SEM

  • CPC (Cost-Per-Click): การกำหนดราคาต่อการคลิกหนึ่งครั้ง
  • CPM (Cost-Per-Million Impressions): คิดค่าใช้จ่ายตามการแสดงผลโฆษณา 1,000 ครั้ง เหมาะสำหรับแบรนด์ที่เน้นการสร้างการรับรู้ (Brand Awareness)
  • CPA (Cost-Per-Action): ผู้โฆษณาจะจ่ายเงินทุกครั้งที่มีการคลิกที่โฆษณา แต่ระบบจะช่วยให้เกิด การ Action บนเว็บไซต์ สำคัญคือต้องมีการวัดผล ผ่านตัว Pixel

3. เทคนิคการทำ SEM ให้มีประสิทธิภาพ

  • เลือกคำค้นหา (Keyword Research): วิเคราะห์คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการที่กลุ่มเป้าหมายจะใช้ โดยคำนึงถึงคีย์เวิร์ดที่มีความต้องการในตลาด (High Intent Keywords) และคำค้นหาที่มีค่า CPC ไม่สูงเกินไป เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
  • จัดกลุ่มคำค้นหา (Keyword Grouping): การจัดกลุ่มคำค้นหาอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การแยกคำค้นหาสำหรับสินค้าหรือบริการที่แตกต่างกัน
  • เขียนข้อความโฆษณาที่ดึงดูด (Compelling Ad Copy): เขียนโฆษณาให้ชัดเจน กระชับ และกระตุ้นให้เกิดการคลิก
  • ตั้งงบประมาณโฆษณา (Budget Planning): ควบคุมงบประมาณให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ เช่น กำหนดงบประมาณสูงในช่วงโปรโมชั่น หรือแคมเปญที่ต้องการยอดขายมากเป็นพิเศษ
  • วิเคราะห์ผลลัพธ์ (Analytics and Optimization): ติดตามและวิเคราะห์ผลลัพธ์ เช่น อัตราการคลิก (CTR), อัตราการแปลง (Conversion Rate), และ ROI เพื่อปรับปรุงแคมเปญอย่างต่อเนื่อง

4. ข้อดีและข้อเสียของ SEM

  • ข้อดี
    • ได้ผลรวดเร็ว: สามารถแสดงผลในหน้าแรกของการค้นหาได้ทันที
    • ควบคุมงบประมาณได้ง่าย: ปรับงบประมาณตามประสิทธิภาพของแคมเปญได้
    • วัดผลได้ละเอียด: ใช้เครื่องมือ Google Ads ติดตามได้ทุกอย่าง หรือ ใช้เครื่องมืออื่น เช่น Google Analytics เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งาน
  • ข้อเสีย
    • ค่าโฆษณาสูง: หากคำค้นหามีการแข่งขันสูง ราคาต่อคลิกจะเพิ่มขึ้น
    • ผลระยะสั้น: เมื่อหยุดการจ่ายค่าโฆษณา ผลลัพธ์จะหายไปทันที
    • ต้องการการบริหารจัดการที่ดี: ต้องปรับแคมเปญและคีย์เวิร์ดอย่างสม่ำเสมอ โดยต้องเข้าใจ Quality Score
    • มีกลุ่มเป้าหมายจำกัด: ยิ่งเราเลือกคีย์เวิดที่เฉพาะเจาะจง (Long Tailed Keyword) ปริมาณของคนที่มาค้นหาก็จะน้อยตามไปด้วย

5. เปรียบเทียบระหว่าง SEM และ SEO

  • SEM:
    • ใช้งบประมาณในการโฆษณา
    • เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการลงโฆษณา
    • เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการยอดขายหรือการเข้าถึงในระยะสั้น
  • SEO:
    • เน้นการปรับปรุงเนื้อหาเว็บไซต์เพื่อให้ติดอันดับแบบ Organic โดยไม่เสียค่าโฆษณา
    • ใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์นานกว่า
    • เหมาะสำหรับการสร้างผลลัพธ์ระยะยาวและการสร้างความน่าเชื่อถือ

6. วิธีการเลือกใช้ SEM อย่างมีประสิทธิภาพ

  • วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน
  • เริ่มจากงบประมาณน้อย ๆ และเพิ่มงบตามผลลัพธ์
  • ติดตามผลการคลิกและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามแนวโน้ม
  • ใช้ Google Ads หรือเครื่องมือโฆษณาอื่น ๆ ที่มีฟังก์ชันการวัดผลและการวิเคราะห์อย่างครบวงจร

สรุป SEM คืออะไร ?

เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการดึงดูดกลุ่มลูกค้าให้เข้าถึงสินค้าและบริการได้อย่างตรงจุด และมีความสามารถในการวัดผลที่ชัดเจน แต่การบริหารจัดการต้องมีความเชี่ยวชาญเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายไม่ให้บานปลาย


เริ่มสมัครที่นี่ Google Ads: Link