The icon

The Icon  จริงหรือมั่ว ชัวร์หรือไม่ Model ธุรกิจแบบนี้ โกงรึป่าว บทความนี้มีคำตอบ!

The iCon Group กำลังเป็นกระแสอย่างมากในประเทศไทยช่วงเดือนตุลาคม 2024 เนื่องจากข้อกล่าวหาว่าดำเนินการหลอกลวงด้านการลงทุน โดยมีผู้เสียหายหลายพันราย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมความเสียหายมากกว่า 1.4 พันล้านบาท ผู้เสียหายหลายรายถูกชักชวนให้ลงทุนในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น วิตามิน และอาหารเสริม โดยมีการใช้คนดังเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของธุรกิจ ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากเชื่อถือและลงทุน แต่ปรากฏว่าผลิตภัณฑ์ที่สั่งซื้อไม่ได้ถูกจัดส่งทั้งหมด หรือไม่สามารถขายได้เนื่องจากราคาที่บริษัทแข่งขันกันเองออนไลน์ วันนี้ฟอร์ทูเดย์จะมานำเสนอเรื่องราวของ The Icon กันค่ะ ว่า Model ธุรกิจแบบนี้ โกงรึป่าว ถ้าพร้อมแล้วไปตามอ่านกันได้เล้ยยย

เปิดโมเดลธุรกิจ The Icon

บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด (The iCON) ธุรกิจขายของออนไลน์ โดยจดทะเบียนเป็น ”ธุรกิจการตลาดแบบตรง” 

The Icon เป็นบริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบบขายตรงออนไลน์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2561 โดยคุณวรัตน์พล วรัทย์วรกุล (พอล) เน้นผลิตภัณฑ์ที่สอดรับกับเทรนด์สุขภาพและความงาม เปิดตัวในช่วงการระบาดของโควิด-19 โดยขายสินค้าผ่านตัวแทนและใช้ ระบบ Drop ship ทำให้ตัวแทนสามารถทำงานได้จากทุกที่โดยไม่ต้องสต็อกสินค้าและไม่ต้องจัดส่งสินค้าเอง บริษัทมีระบบรองรับและยังมีการอบรม  การขายออนไลน์ เช่น การสร้างตัวตน การสร้างเพจ และการยิง Ads เพื่อเพิ่มทักษะให้ตัวแทน

การเป็นตัวแทนกับ The Icon ต้องเปิดบิลครั้งแรก มี 2 รูปแบบ คือ

  • ขายปลีก: ชำระเงิน 2,500 บาท ได้กำไรจากการขายปลีกและยอดรวมรายเดือน
  • ค้าส่ง: แบ่งเป็นขนาดกลาง (25,000 บาท) และขนาดใหญ่ (Dealer) 50,000–250,000 บาท ได้กำไร 5 ต่อ รวมถึงเรทพิเศษจากการขายส่งและโปรโมชั่นพิเศษ โดย Dealer จะได้สิทธิพิเศษเช่นรางวัลรถหรู ทริปเรือยอร์ช ทริปต่างประเทศ ทองคำ และเงินสด

นอกจากนี้ยังมีทีมยิง Ads ช่วยหาลูกค้าให้ตัวแทน แต่ตัวแทนต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการยิง Ads เอง

การตลาดทางตรงแบบ The icon เอาเปรียบจริงหรือไม่

​​กลุ่ม The Icon ถูกกล่าวหาว่าดำเนินธุรกิจการตลาดทางตรงในรูปแบบที่มีลักษณะหลอกลวง ซึ่งเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงทางการเงิน โดยจากข้อมูลข่าวระบุว่ามีผู้เสียหายมากกว่า 4,700 ราย โดยสูญเสียเงินรวมมากกว่า 1.4 พันล้านบาท กรณีนี้เกี่ยวข้องกับการล่อลวงผู้ลงทุนให้ซื้อผลิตภัณฑ์และเข้าร่วมเป็นสมาชิกของบริษัท ผ่านการใช้พรีเซนเตอร์ชื่อดังเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ผู้ลงทุนกลับไม่ได้รับสินค้าตามที่สั่งหรือได้รับเพียงบางส่วน ทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมากร้องเรียนและฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมาย​

กรณีนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนและดำเนินคดี แต่จากข้อมูลเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าการดำเนินการของ The Icon Group อาจมีลักษณะเป็นการตลาดที่หลอกลวง ซึ่งผู้เสียหายหลายคนรายงานว่าไม่ได้รับสินค้าหรือผลประโยชน์ตามที่บริษัทสัญญาไว้

ทางตรง vs ขายตรง ต่างกันอย่างไร

จากกรณีของบริษัท The icon อาจทำให้ทุกคนสงสัยว่า ระหว่างการตลาดทางตรง กับการขายตรงแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร? 

การขายตรง (Direct Selling) คือ วิธีการจำหน่ายสินค้าหรือบริการรูปแบบหนึ่ง ที่ผู้ขายหรือเรียกว่าผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรง นำสินค้าไปขายให้กับผู้ซื้อโดยตรงถึงบ้านหรือสถานที่อื่นที่มิใช่ร้านค้าปกติทั่วไป

การตลาดแบบตรง (Direct Marketing) คือ การทำตลาดสินค้าหรือบริการในลักษณะของการสื่อสารข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ อินเทอร์เน็ต ฯลฯ เพื่อเสนอสินค้าหรือบริการโดยตรงต่อผู้บริโภคซึ่งอยู่ห่างโดยระยะทาง และมุ่งหวังให้ผู้บริโภคแต่ละรายตอบกลับเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการของผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ดังนั้นการทำตลาดโดยใช้สื่อในการนำเสนอ การขายสินค้าออนไลน์หรือธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) เช่น แอปหรือแพลตฟอร์มต่างๆ จึงเป็นการขายในตลาดแบบตรง

ซึ่งสามารถสรุปเป็นหลักการง่ายๆ ดังนี้ 

การขายตรง (Direct Selling)

  1. การขายสินค้า มีตัวแทนหรือเครือข่ายผู้ขายสินค้า รับประกันสินค้าและบริการกับผู้บริโภคโดยตรง
  2. หลักการ ควบคุมคุณภาพสินค้าและบริการ ไม่สนับสนุนให้มีการเก็บสต็อกสินค้าจำนวนมาก
  3. ความสัมพันธ์ ผู้ขายมักจะสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับลูกค้า มีแนวโน้มที่จะซื้อจากคนที่ไว้ใจ ส่งผลให้เกิดการซื้อซ้ำ
  4. กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ เน้นอบรมวิธีทำการตลาดที่รู้จักคุณภาพสินค้าดี และกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคโดยตรง
  5. เรื่องราว สร้างความฝันและความเชื่อ ที่นำไปสู่ความสำเร็จ เน้นเล่าเรื่องของสินค้า

การตลาดแบบตรง (Direct Marketing)

  1. การขายสินค้า ไม่จำเป็นต้องมีตัวแทน ใช้สื่อผ่านช่องทางต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ e-Commerce (Shopee, Lazada, Facebook, IG)
  2. หลักการ มีกฎหมายการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล เก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อนำมาทำการตลาดแบบเจาะจง ต้องได้รับความยินยอมจากผู้บริโภคก่อน
  3. ความสัมพันธ์ สร้างฐานข้อมูลลูกค้าเพื่อการตลาดที่ตรงเป้าหมาย สร้างความสัมพันธ์ในระยะยาว
  4. กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ เน้นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อ
  5. เรื่องราว: บอกขายสินค้าตรงๆ ไม่เน้นอธิบายเรื่องราวของสินค้า 

แต่ไม่ว่าการขายตรง และการตลาดทางตรง จะแตกต่างกันอย่างไร แต่มีความเหมือนกันคือ การขายทั้ง 2 รูปแบบ อยู่ภายใต้กฎหมาย พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 ซึ่งการจดทะเบียนบริษัทการขายตรง และตลาดแบบตรงนั้นจะต้องดำเนินการขอใบอนุญาตจาก “สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)”     

ตัวอย่างธุรกิจขายตรง

  1. Amway ธุรกิจขายตรงที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก

Amway เป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำในวงการธุรกิจขายตรง (Direct Selling) ที่มีการดำเนินงานในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยมีจุดเริ่มต้นจากการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าด้านสุขภาพ ความงาม และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีคุณภาพสูง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1959 ในสหรัฐอเมริกา โดย ริช เดอโวส (Rich DeVos) และ เจย์ แวนแอนเดล (Jay Van Andel) ปัจจุบัน Amway เติบโตจนเป็นที่รู้จักทั่วโลก และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการทำธุรกิจส่วนตัวโดยไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์

แนวทางการดำเนินธุรกิจของ Amway

Amway ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบเครือข่าย (Multi-Level Marketing: MLM) ซึ่งให้โอกาสแก่ผู้เข้าร่วม (หรือที่เรียกว่า “นักธุรกิจ Amway”) สามารถสร้างรายได้ทั้งจากการขายสินค้าของตนเองและการสร้างทีมเพื่อขยายฐานลูกค้าในเครือข่าย นักธุรกิจสามารถเพิ่มรายได้จากการรับค่าคอมมิชชั่นจากยอดขายของตัวเองและสมาชิกในเครือข่ายที่พวกเขาสรรหาเข้ามา

  1. Giffarine ความสำเร็จของธุรกิจคนไทยในระดับสากล

Giffarine เป็นหนึ่งในแบรนด์ขายตรง (Direct Selling) ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมากว่า 20 ปี บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2536 โดย ดร.นลินี ไพบูลย์ และ ดร.สมชาย หัชลีฬหา โดยมีเป้าหมายเพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ความงาม และของใช้ในครัวเรือนที่มีคุณภาพสูงในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ด้วยการสร้างระบบเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ทำให้ Giffarine กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในวงการธุรกิจขายตรงในไทย

แนวทางการดำเนินธุรกิจของ Giffarine

Giffarine ใช้ระบบ Multi-Level Marketing (MLM) หรือการตลาดแบบหลายชั้น ซึ่งเปิดโอกาสให้นักธุรกิจสามารถสร้างรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์และการสร้างเครือข่ายนักธุรกิจใหม่ รายได้จะเกิดจากค่าคอมมิชชั่นจากยอดขายทั้งส่วนตัวและยอดขายในทีม

  1. Mistine ผู้นำธุรกิจขายตรงในไทยที่ครองใจผู้บริโภคมานาน

Mistine แบรนด์เครื่องสำอางที่รู้จักกันดีในไทยและยังเป็นผู้นำในวงการธุรกิจขายตรง (Direct Selling) ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2531 และเติบโตอย่างรวดเร็วจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงในราคาที่เหมาะสม ด้วยการนำเสนอสินค้าด้านความงามที่หลากหลาย เช่น เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว น้ำหอม และผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย

แนวทางการดำเนินธุรกิจของ Mistine

Mistine ใช้โมเดลธุรกิจขายตรงในการกระจายสินค้า โดยผ่านตัวแทนจำหน่าย (หรือที่เรียกว่า “สมาชิก Mistine”) ซึ่งเน้นการสร้างเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายเพื่อเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า สมาชิกของ Mistine สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้โดยไม่ต้องลงทุนมาก และยังมีโอกาสในการสร้างรายได้จากการขายสินค้าผ่านแคตตาล็อกหรือออนไลน์

มาถึงส่วนสรุป เราก็ได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการขายตรงและการตลาดแบบตรงว่างมันต่างกันอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นหลักการ การขายสินค้า การกระตุ้นการตัดสินใจในการซื้อสินค้า และเรื่องราวต่าง ๆ ที่จะนำคนไปซื้อสินค้า
ในการตลาดแบบตรง (Direct Marketing) คือ การทำตลาดโดยใช้สื่อสื่อสารต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ และอินเทอร์เน็ต เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการโดยตรงให้กับผู้บริโภค และกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองเพื่อซื้อสินค้า เช่น การขายออนไลน์หรือ e-Commerce อย่าง The Icon ที่เป็นการขายสินค้าผ่านตัวแทนโดยไม่ต้องสต็อกสินค้าและไม่ต้องจัดส่งสินค้าเอง

นอกจากนี้ ยังมีการใช้กลยุทธ์ทางจิตวิทยาเพื่อกดดันผู้ลงทุน เช่น การให้ฟังคำพูดสร้างแรงบันดาลใจ หรือกระตุ้นให้ลงเงินเพิ่มเรื่อย ๆ โดยอ้างว่าใกล้จะประสบความสำเร็จ ซึ่งทำให้หลายคนต้องกู้เงินจำนวนมากเพื่อลงทุน จนประสบปัญหาหนี้สินอย่างหนัก ขณะนี้มีการดำเนินการทางกฎหมายเพื่อต่อสู้กับกลุ่มนี้ โดยผู้เสียหายต่างหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม


ส่วนการขายตรง (Direct Selling) คือ การจำหน่ายสินค้าหรือบริการโดยตรงจากผู้ขายถึงผู้ซื้อ โดยไม่ผ่านร้านค้าปกติ อย่างธุรกิจของแอมเวย์ กิฟฟารีน และ มิส ทิน

Story by

Chanaporn Z (May), Co-writer & Researcher
Ketsarin P (Ked), Co-Writer & Infographic
Nattanan A (Khim), Co-writer & Researcher
Pensiri C (Yok), Co-writer & Researcher