หากจะพูดถึงนิทานแถบอินเดียที่น่าสนใจและเป็นที่รู้จักของคนไทยหลายๆคน หนึ่งในลิสอย่าง “นิทานเวตาล” ก็ต้องได้รับการพูดถึงไม่มากก็น้อย เพราะเป็นวรรณกรรมสันสกฤตโบราณที่เล่าต่อกันมายาวนานถึง 2500 ปี และในปัจจุบัน หนังสือ นิทานเวตาล ที่พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ หรือ น.ม.ส. ที่ทรงนิพนธ์เรียบเรียงไว้นั้น ก็ยังจัดเป็นหนังสือ 1 ใน 100 ที่คนไทยควรอ่านอีกด้วย
แต่ถึงแอดมินจะชอบอ่านนิทานเวตาลและอยากแชร์มาให้ชาวฟอร์ทูมอร์โร่วอ่านกันมากขนาดไหนก็ตาม แต่พอเอามาขึ้นเว็บไซต์ Foretoday แล้วเนี่ย ยังไงเราก็ต้องคุมโทนให้เหมือนบทความการตลาดอื่นๆบนเว็บซักหน่อย วันนี้แอดมินจะพามาส่องเกร็ดน่าสนใจที่พอแอดมินได้อ่านแล้ว ก็อยากจะยกมาให้เห็นถึงพฤติกรรมของตัวละครที่สอดคล้องกับแง่การตลาดอย่างน่าสนใจแบบไม่น่าเชื่อ! มาให้ทุกคนได้อ่านและคิดตามกันค่ะ
1.การรู้จัก Customer Persona ของกลุ่ม Target เป็นอย่างดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
อย่างในนิทาน ที่ปีศาจเวตาลสามารถออกอุบายและตั้งคำถามให้พระเจ้าวิกรมาทิตย์เผลอหลุดปากได้หลายครั้งนั้น ไม่ใช่เพราะดวงหรือสุ่ม แต่นั่นเป็นสิ่งที่เวตาลนั้นรู้อยู่แล้วว่าตัวของพระวิกรณ์มาทิตย์นั้นเป็นกษัตริย์ที่ฉลาดรอบรู้และมีอำนาจมาที่สุดในย่านนี้ จึงทำให้ไม่ว่าเวตาลจะถามคำถามอะไรก็จะสามารถตอบได้และโดนหลอกล่อให้เผลอหลุดปากพูดจนทำให้ต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เช่นเดียวกับการตลาดในปัจจุบันที่เมื่อเราทำความรู้จักลูกค้าเป็นอย่างดีมีข้อมูล Customer Persona ประกอบกับ Customer Journey แล้วนั้นก็จะทำให้เราทราบถึงพฤติกรรมของลูกค้า เป้าหมายของลูกค้า รวมไปถึงการรู้ไปถึงขั้นที่ว่าจุดอ่อนจุดแข็งของลูกค้าเป็นยังไง สิ่งนี้จะเป็นเครื่องมือช่วยให้เราสามารถทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและนำมาซึ่งเป้าหมายที่เราวางไว้ได้
2.การมี story telling ที่ดี ทำให้คนคล้อยตามได้ เหมือนเวตาลที่เล่านิทานให้พระวิกรณ์มาทิตย์ฟังและคล้อยตามและเผลอมีส่วนร่วมซ้ำไปซ้ำมา
ในปัจจุบัน Storytelling เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการเล่าเรื่องในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Video, บทความ, รวมไปถึงการจัดอีเว้นต์ต่างๆ ซึ่งการมี Storytelling ที่ดีนั้นจะต้องถ่ายทอดสิ่งที่แบรนด์ต้องการสื่อออกมาได้อย่างตรงจุดและไปสะกิดต่อมความรู้สึกใดรู้สึกหนึ่งของผู้บริโภค จนก่อให้เกิดการดึงเอาประสบการณ์ร่วมของผู้บริโภคออกมา ทำให้เกิดความสนใจในเนื้อหาที่มากขึ้นและสร้างการจดจำในฐานะของแบรนด์ รวมไปถึงสร้างการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี อย่างเช่น เวตาล ที่เป็นนักเล่านิทานตัวยงที่สามารถเล่าเรื่องและทำให้พระวิกรมาทิตรู้สึกมีส่วนร่วมและเผลอตอบคำถามของเวลาตาลหลายครั้ง
3.เล่าเรื่องแล้วทิ้งคำถามเพื่อกระตุ้นการตอบโต้กับแบรนด์เพื่อสร้าง Customer Relationship
หลังจากการมี Story telling ที่ดีแล้ว การจะทำให้คอนเท้นของเราให้สร้างบางสิ่งบางอย่างได้มากขึ้นนั้นจำเป็นที่จะต้องทำให้ผู้บริโภคเกิดการโต้ตอบกับแบรนด์เพราะนั่นจะเป็นสิ่งยืนยันว่า content ของเราได้ทำให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกใดรู้สึกหนึ่งต่อ Content และหนึ่งในกลยุทธ์ปัจจุบันที่เรามักจะเห็นเหล่าครีเอเตอร์ทำกันก็คือ การตั้งคำถามตอนท้ายคลิปเพื่อให้เหล่าผู้ตามมาคอมเม้นท์ตอบโต้กัน ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้ถูกพูดถึงได้ง่ายและก่อให้เกิด interaction และสามารถสร้างยอดเข้าชมได้เป็นอย่างดี ซึ่งเหมือนกับกลยุทธ์ของเวตาลที่เมื่อได้เล่านิทานจบแล้ว เวตาลก็จะทิ้งคำถามเพื่อให้เกิดการโต้ตอบ จนท้ายที่สุดพระเจ้าเจ้าวิกรมาทิตเผลอหลุดปาดพูดและต้องกลับไปรับเวตาลที่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
บทสรุป
อย่างไรก็ตาม บทความนี้เพียงต้องการจะสื่อให้เห็นถึงรูปแบบของพฤติกรรมมนุษย์ที่สื่อผ่านตัวอักษรออกมาเป็นวรรณกรรม ที่ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนก็จะยังคงการใช้สิ่งเดิมๆในการโน้มน้าวใจเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ ฉะนั้นเมื่อเรารู้แพทเทิร์นนี้แล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำให้ได้มาถึงสิ่งที่ต้องการได้ อย่างเช่นการทำการตลาดที่กว่าจะให้ลูกค้าเข้าใจในแบรนด์เรานั้นก็ต้องอาศัยกลยุทธ์ต่างๆ การรู้จักตัวตนและกลุ่มเป้าหมายของเราเพื่อให้เค้าเข้ามาซื้อสินค้าของเรา เมื่อเราเข้าใจสิ่งนั้นอย่างถ่องแท้แล้วก็จะทำให้เราสามารถเข้าถึงและทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อถือ เหมือนอย่างเวตาลที่ใช้กลยุทธ์ต่างๆปั่นหัวพระเจ้าวิกรมาทิตย์ตกหลุมพลางและทำตามสิ่งที่เวตาลบอกทุกอย่างได้
“A better tomorrow starts today”
Line@ : bit.ly/ForeToday
FB Chat : http://m.me/foretoday
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม : https://www.foretoday.asia/articles/