ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทำงานเป็นอีกกิจกรรมที่กินเวลาส่วนมากในชีวิตของมนุษย์ยุคปัจจุบัน แต่เมื่อเข้าสู่การทำงานไปได้สักระยะ หลายคนก็อาจเริ่มประสบปัญหาการแบ่งแยกระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน รู้สึกไม่สามารถแยกสองอย่างออกจากกันได้อย่างสมบูรณ์ จนทำให้เกิดความรู้สึกแง่ลบหรือแม้กระทั่งนำไปสู่การกระทบกระทั่งในความสัมพันธ์กับคนรอบตัว หรือแม้กระทั่งเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายที่ลามไปสู่การหมดไฟกับการทำงานปัจจุบันไปเลยก็มีหรือที่เรียกกันง่ายๆก็คือ Burnout นั่นเอง
ดังนั้นคอนเซ็ปต์การจัดการชีวิตทำงานกับชีวิตส่วนตัวหลายๆแบบจึงถูกหยิบยกมาใช้และพูดกันอย่างแพร่หลายเพื่อช่วยให้คนทำงานอย่างเราๆได้เลือกใช้จัดการกับสิ่งที่กำลังประสบพบเจอ
หนึ่งความคิดที่เริ่มมีคนพูดถึงอย่างแพร่หลายมากขึ้น คือถ้าคิดดีๆ เมื่อเราไม่สามารถแยกการทำงานออกจากชีวิตส่วนตัวได้ คอนเซ็ปต์ Work Life Flow ที่เราจะยกมาพูดกันในบทความนี้
Work Life Flow คืออะไร
Work life flow ก็เป็นอีกคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับการใช้ชีวิตและทำงานควบคู่กันไปแบบที่ไม่จำเป็นจะต้องกำหนดทุกอย่างแบบตายตัว ทุกอย่างไม่ต้องมีเวลาที่ชัดเจน ไม่ต้องนั่งแบ่งแยกกันแบบครึ่งต่อครึ่ง แต่เป็นการให้งานเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตนั่นเอง
แตกต่างกับ Work Life Balance ยังไง
ในขณะที่ Work life balance คือการพยายามแบ่งแยกเรื่องานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจน มีเส้นแบ่งระหว่างกัน ซึ่งฟังแล้วรู้สึกเหมือนทำได้ง่ายแต่จริงๆแล้ว balance เกิดขึ้นได้ค่อนข้างยากเมื่อเรารู้สึกต้องรับผิดชอบหรือถูกบังคับกลายๆให้รับผิดชอบงานที่ทำที่นำไปสู่การทำงานนอกเวลาหรือแม้กระทั่งทำงานในขณะที่กำลังทำกิจกรรมอื่นๆทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่ทำ แน่นอนว่า balance แทบไม่เกิดขึ้นเลย ถ้ามันคือการที่เราต้องแบ่งเวลาแบบ 50-50 สำหรับเรื่องานและเรื่องส่วนตัวไม่ให้ทับซ้อนกันเลย คิดภาพง่ายๆเหมือนสมัยยังเรียนอยู่ (หวังว่าจะยังไม่ค่อยเลือนรางนะ ฮา) แค่เวลาเรียนเราก็ 7-8 คาบต่อวัน ที่เหลือว่างแค่ไม่กี่ชั่วโมงให้เล่นสนุกหรือไปเที่ยวกับเพื่อนหลังเลิกเรียน นี่ก็คล้ายๆกัน แค่ทำงานก็เช้ายันค่ำ เอาเวลาที่ไหน 50% ไปมีเวลาใช้ชีวิตส่วนตัว ไม่มีทางที่จะแบ่งแยกได้ 100% อย่างแน่นอน นอกจากนี้เมื่อเราตั้งเป้าไว้ว่าจะแบ่งเวลาแล้วทำไม่ได้ก็เหมือนจะยิ่งทำให้รู้สึกแง่ลบกับทั้งตัวเอง งาน หรือลามไปเพื่อนร่วมงาน ลูกค้า หรือคนอื่นรอบตัว จนในที่สุดอาจะกลายเป็นความรู้สึกหมดไฟจนได้
เพราะฉะนั้น work life flow จึงเป็นอีกคอนเซ็ปต์ที่ดูจะช่วย pain point ของ work life balance เนื่องจากคอนเซ็ปต์ของ work life flow คือการที่เราสามารถยืดหยุ่นทั้งต่อการทำงานและชีวิตส่วนตัว เช่น เราสามารถทำงานนอกเวลาได้ แต่ก็สามารถผ่อนคลายได้ในเวลาทำงานเป็นการชดเชย (แต่ก็ต้องไม่ให้เสียงานด้วยนะ) เราไม่จำเป็นจะต้องทำตามตารางที่วางไว้อย่างเป๊ะๆว่าเราต้องไม่ทำงานในเวลานี้ หรือกำหนดว่าเราต้องทำสิ่งนี้แค่ตอนนี้เท่านั้น ง่ายๆคือเป็นการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆแบบ flowๆ ตามชื่อนั่นเอง แต่ว่าพูดแบบนี้อาจจะยากที่จะทำความเข้าใจ เพราะงั้นมาดูกันว่าจะทำยังไงได้บ้างเพื่อให้ชีวิตเป็น Work Life Flow
เทคนิคจัดการ Work Life ยังไงให้ Flow
1. เคลียร์แชทและอีเมลขยะ
เสต็ปแรกเลยในการจะเริ่มสร้าง flow ของการทํางานก็คือเราจะต้องเคลียอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกไปให้ได้ เช่น Email ขยะต่างๆ, หรือการใช้ Function ของแอปต่างๆ อย่างการรวมกรุ้ปแชทงานในไลน์ทําให้เราสามารถทํางานได้ง่ายขึ้น
2. โฟกัสที่ผลลัพธ์มากกว่าเวลาทํางาน
ในวันๆนึงเรามี 8 ชม. เท่ากันแต่เราไม่ได้จําเป็นจะต้องจัดการงานเหมือนคนอื่น บางคนอาจจะรู้สึกว่าชอบทํางานที่ต้องคิดเยอะๆในช่วงเช้า และเคลียงานทั่วไปในตอนบ่าย การทํางานแบบไม่จัดสรรเวลาตามตัวเราเองจึงไม่ได้ส่งผลดี
3. หาบริษัทที่ซัพพอร์ตเป้าหมายของคุณ
เรื่องนี้สำคัญมาก หาบริษัทที่ให้คุณค่ากับการพัฒนาความสามารถเเละการเติบโตไปยังเป้าหมายของคุณ และทําให้คุณรู้สึกว่าคุณไม่ได้กำลังแค่ซัพพอร์ตบริษัท แต่บริษัทก็กำลังซัพพอร์ตคุณด้วย
4. เห็นแก่ตัวบ้าง
ให้เวลากับตัวเองในสิ่งที่คุณต้องการ ในบางครั้งที่เราเพลียหรือง่วงมากๆก็ควรจะใช้เวลางีบสั้นๆ หรือวันไหนรู้สึกไม่ไหวก็ควรจะต้องพัก
5. ให้ความเข้าใจกับงาน
คุณต้องเข้าใจว่าคุณไม่สามารถทําอะไรโดยไม่ผิดพลาดเลย มันจะต้องมีสักวันที่ไม่มีอะไรเป็นไปตามเเผนของคุณเลย ถ้าคุณรู้สึกแบบนั้นก็บอกตัวเองว่ามันโอเค ค่อยๆแก้ปัญหา หรือพักสักพักฟังเพลงโปรดของคุณก่อนไปลุยต่อ
6. ลบความแตกต่างระหว่างวันทํางานกับวันหยุดสุดสัปดาห์
เราไม่ได้แนะนําให้คุณทํางานหนักในวันหยุด หรือพยายามคิดถึงเเต่วันหยุดเพราะไม่งั้นวันหยุดของคุณจะผ่านไปไวมากๆ แต่คุณควรทําทุกวันให้มีส่วนผสมของความสนุก ความผ่อนคลายของคุณ และ งานผสมๆกัน ในวันหยุดคุณสามารถทํางานที่อาจจะใช้เเค่เวลาไม่เกิน 10 นาที แต่มันจะทําให้ในวันทํางานคุณมีเวลาเพิ่มขึ้นอีกเป็นชม. ได้
7. หาวันและเวลาของตัวเราเอง
บางครั้งเราก็ต้องการวันที่ไม่ต้องมีอะไรมาผูกมัดเรา ใช้เวลาสักวันนึงสําหรับการพักผ่อนให้เต็มที่ และท๊ากิจกรรมที่มันจะทําให้เราผ่อนคลาย
การที่เราจะพยายามเเต่รักษาสมดุลย์ชีวิตกับการทํางานนั้นก็อาจจะทําให้เราลําบากมากกว่าเดิม เพราะเเผนในชีวิตมันไม่เคยเป็นไปตามนั้นอยู่แล้ว ถ้าชีวิตคือวงกลมวงใหญ่หนึ่งวง งานก็คือวงกลมวงเล็กที่เป็นซับเซตของวงใหญ่ ไม่ใช่วงกลมสองวงซ้อนกัน
และจงอย่าลืมมิติอื่นๆของชีวิต เช่น ครอบครัว สุขภาพ และความสําคัญ
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเราให้ความสําคัญกับมันในช่วงนั้นๆของชีวิต ทําให้ทุกอย่างมันกลมเกลียวกันนั้นอาจจะเป็นสมดุลย์ที่คุณหาอยู่ก็ได้
“A better tomorrow starts today”
Line@ : bit.ly/ForeToday
FB Chat : http://m.me/foretoday