การตลาดแบบเจาะกลุ่ม LGBTQ แคมเปญการตลาดยุคใหม่รู้ไว้ไม่มีบ้ง

การทำการตลาดในปัจจุบัน หลายแบรนด์เริ่มมีการสอดแทรกประเด็นต่าง ๆ ที่สังคมส่วนใหญ่ให้ความสนใจ ใส่เข้าไปในกลยุทธ์ทางการตลาดมากขึ้น โดยมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไป ตามลักษณะของแบรนด์ เช่นการสะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์นั้นให้ความสำคัญกับเรื่องอะไรในสังคมบ้าง หรืออาจต้องการแสดงจุดยืนในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำผ่านแคมเปญหรือกิจกรรมทางการตลาดที่สังคมวงกว้างให้ความสนใจร่วมกัน เมื่อการทำกลยุทธ์การตลาดดังกล่าว สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในระยะยาวให้กับแบรนด์นั้น ๆ ได้ หลายแบรนด์จึงเริ่มหันมาทำการตลาดแบบสอดแทรกประเด็นทางสังคมผ่านแคมเปญมากขึ้น และหนึ่งในประเด็นทางสังคมที่กำลังมาแรง และทุกคนให้การยอมรับอย่างแพร่หลายในปัจจุบันอีกด้วยนั่นคือ แคมเปญที่เกี่ยวกับ Pride Month หรือกลุ่ม LGBTQ 

ในปัจจุบัน มีกลุ่ม LGBTQ กว่า 483 ล้านคน โดยแบ่งเป็นประชากรไทย ประมาณ 4 ล้านคน ซึ่งจากจำนวนที่มากแล้ว ในทางธุรกิจก็สามารถสร้างโอกาสการทำการตลาดได้มากด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ธุรกิจความงาม, ธุรกิจแฟชั่น หรือธุรกิจเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ เป็นต้น โดยทำผ่านกิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ เพื่อดึงดูดการมีส่วนร่วมของกลุ่มคนชาว LGBTQ หรือกลุ่มคนที่ให้ความสนใจ ในส่วนของรายได้ ข้อมูลจากเทอร์ร่า บีเคเค เผยว่า กลุ่มชาว LGBTQ มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 50,000 – 85,000 บาทต่อเดือน รวมถึงแบรนด์ที่ทำแคมเปญต่าง ๆ เกี่ยวกับกลุ่ม LGBTQ ก็มีแนวโน้มของยอดขายสูงขึ้นด้วยเช่นกัน 

แล้วการทำตลาดกับกลุ่ม LQBTQ ที่ดีต้องทำอย่างไร ?

โดยเทคนิคและหลักการตลาดที่กำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ ที่จริงแล้วสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับสินค้าและกลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ ได้ด้วย เพียงแต่ในบทความนี้ เราจะมายกตัวอย่างผ่านมุมมองของการทำการตลาดสำหรับกลุ่ม LGBTQ ให้ฟังกัน

1. ความจริงใจในระยะยาว 

มีหลายแบรนด์ที่ต้องการที่จะทำการตลาดไปยังกลุ่ม LGBTQ ด้วยการพยายามพูดว่าเราสนับสนุนอย่างเต็มที่ มีการออกผลิตภัณฑ์ที่มีลวดลายสีรุ้ง มีแคมเปญ Pride ในช่วงที่มีกระแสของการสนับสนุน LGBTQ แต่ผ่านไปไม่นานเมื่อหมดกระเเสแล้ว แบรนด์ก็ไม่มีการพูดถึงพวกเขาเหล่านี้อีกเลย สิ่งเหล่านี้เเสดงถึงความไม่จริงใจของแบรนด์ในการแสดงจุดยืน ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าสามารถรับรู้ได้ว่าแบรนด์มีเป้าหมายหรือจุดยืนที่จะสนับสนุนชาว LGBTQ จริง ๆ รึเปล่า หรือแค่เป็นแคมเปญที่สร้างมาเพื่อเกาะกระเเสตลาดเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าว่าจะสนับสนุนสินค้าของแบรนด์คุณรึเปล่าด้วย

2. สนับสนุนพนักงาน LGBTQ ในองค์กร

แคมเปญของแบรนด์ที่จะสนับสนุนชาว LGBTQ นั้นจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อองค์กรนั้นๆ มีวัฒนธรรมภายในที่ยอมรับและสนับสนุนกลุ่มนี้จริงๆ ซึ่งจะส่งผลต่อแนวคิดที่จะถ่ายทอดออกไปสู่ลูกค้าผ่านแคมเปญของบริษัท และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทให้ครองใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้

3. เลือกการใช้ภาษาให้เหมาะสม 

เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนผิดพลาดในการส่งสารไปสู่กลุ่มลูกค้าที่เป็นชาว LGBTQ เนื่องจากหลายคนที่ไม่เข้าใจชอบคิดว่า การที่จะสื่อสารกับกลุ่ม LGBTQ นั้น จะต้องใช้ภาษาที่ดูรุนแรง หรือดูเป็นกันเองมากๆจนเกินพอดี ซึ่งความจริงแล้วระดับภาษาที่ใช้สื่อสารกับกลุ่ม LGBTQ นั้น ก็ไม่ต่างกับลูกค้าเพศอื่นๆเลย สิ่งที่ควรโฟกัสควรจะเป็นจุดยืนของแบรนด์ จุดแข็งของสินค้าซะมากกว่า

4. ลงมือทำให้เห็น 

นอกจากแคมเปญของเราจะบอกเล่าจุดยืนของแบรนด์เเล้ว การลงมือทำก็เป็นสิ่งสำคัญที่ลูกค้าที่เป็น LGBTQ อยากเห็นโดยเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนแปลงในสังคม หากเเบรนด์เราอยากจะสนับสนุนเค้าจริงๆ แคมเปญจะต้องไม่มีแต่การพูดบอกเล่าเพียงอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น

Starbuck 

Starbuck ได้มีแคมเปญเฉลิมฉลอง Pride Month ด้วยแก้วลายเรนโบว์สีสดใส พร้อมข้อความบนแก้วว่า LOVE โดยในแคมเปญนี้ Starbuck ร่วมมือกับมูลนิธิ Born This Way ของเลดี้กาก้า ระดมเงินบริจาคสูงถึง $250,000 เพื่อช่วยองค์กรด้านสุขภาพจิตและสนับสนุนองค์กรต่าง ๆ ทั่วประเทศที่ช่วยเหลือชุมชนและสังคม LGBTQ

Disney

Disney ได้ปล่อยรายการสินค้าสีรุ้งออกมามากมายในคอลเลคชั่น Disney Rainbow Collection  ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า โดยมีการหักรายได้จาก collection นี้ ไปมอบให้องค์กรที่ช่วยเหลือนักเรียนกลุ่ม LGBTQ นอกจากนี้ที่ Disneyland ปารีส ยังจัดขบวนพาเหรด Magical Pride เพื่อเฉลิมฉลองให้กับความรักของกลุ่ม LGBTQ อีกด้วย

IKEA

IKEA นั้นเป็นได้มีการสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ มานานแล้ว โดย IKEA เคยใช้คู่ชายรักชายโฆษณาสินค้ามาก่อนเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว และได้มีการเปิดตัวถุงกระเป๋าช้อปปิ้งใส่ของสีรุ้งรุ่นพิเศษราคาประมาณ 120 บาทโดยผลกำไรทั้งหมดจะส่งมอบให้มูลนิธิรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชน

TOMS

ปี 2019 ได้เปิดตัวคอลเลคชั่น TOMS Unity Collection ที่มีทั้งแว่นตากันแดดสีเหลืองทองพร้อมเลนส์ไล่โทนสีรุ้ง และรองเท้าทรงคลาสสิคของแบรนด์ที่มีตัวอักษรคำขวัญสีรุ้ง เช่น “Human” “Shine” “Love” และ “Happy” ซึ่งแคมเปญนี้ทางแบรนด์ TOMS ได้มีการบริจาครองเท้า และดูแลเรื่องสายตาให้กับคนไร้บ้านฟรี และบริจาคเงินให้กับกลุ่มองค์กรที่ดูแลกลุ่ม LGBTQ โดยเฉพาะด้วย

จากข้อมูลที่กล่าวข้างต้น การทำการตลาดแบบเจาะกลุ่มชาว LGBTQ เป็นการตลาดที่ต้องอาศัยความรู้ และความจริงใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งต้องทำการตลาดผ่านการสื่อสารที่ถูกต้องใช้ภาษาที่เหมาะสม ให้เกียรติซึ่งกันและกัน จึงจะสามารถเข้าถึงกลุ่มคนชาว LGBTQ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามการสนับสนุนต่อยอดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่สำคัญที่สามารถสะท้อนความใส่ใจที่แท้จริงของแบรนด์ได้ สุดท้ายนี้หากคุณกำลังมองหาแคมเปญในการทำการตลาดที่พูดถึงในเรื่องของประเด็นทางสังคมที่น่าสนใจ การทำการตลาดแบบเจาะกลุ่ม LGBTQ ถือเป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่น่าศึกษาไว้ และไม่ควรพลาด

ที่มา 

https://stepstraining.co/trendy/10-case-study-lgbt-marketing-campaign

https://stories.starbucks.com/stories/2019/love-meet-the-designer-of-the-starbucks-pride-cup-people-are-buzzing-about/

https://www.bangkokbanksme.com/en/lgbtq-marketing-in-pride-month

https://stepstraining.co/trendy/10-case-study-lgbt-marketing-campaign

“A better tomorrow starts today”

Line@ : bit.ly/ForeToday 

FB Chat : http://m.me/foretoday 

#Foretoday #Digitalagency #Target #LGBTQ #Marketing #Campaign #Pridemonth