คุณเคยสงสัยไหมว่า อาชีพในอนาคตจะเปลี่ยนไปมากน้อยเเค่ไหนกัน ? ในอดีต งานของนักการตลาดนั้นเรียกได้ว่าเรียบง่าย นั่นก็คือการทำตัวให้เป็นคนที่ตะโกนดังที่สุดในตลาดเพื่อเรียกร้องความสนใจของผู้บริโภคหรือลูกค้า วันนี้จะพามารู้จักกับ 6 อาชีพใหม่ในสาย Digital Marketing กันนะครับ
สถานการณ์ของธุรกิจการตลาดในโลกปัจจุบัน
เราอยู่ในยุคที่มีการปรับตัวอย่างรวดเร็วตามเศรษฐกิจ นวัตกรรม และเทคโนโลยี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบางสายอาชีพงาน สำหรับสายการตลาดนั้นเราจะเห็นได้ชัดว่าในปัจจุบัน ผู้บริโภคได้รับข้อความนับพันในทุกวันๆ โดยไม่ใช้เพียงคนเท่านั้นที่เป็นคนเลือกส่งข้อความ เหล่านี้เเต่เป็น AI ที่คาดการณ์ไว้เลยล่วงหน้าว่าเราอยากได้อะไรในเวลานั้นๆ เเละยังสามารถรู้ได้ด้วยว่าควรส่งข้อความหาเราในเวลาไหนที่เราจะมีโอกาสเห็นข้อความมากที่สุด ธุรกิจการตลาดในปัจจุบันมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก เดินผิดเพียงก้าวเดียวอาจทำให้เเบรนด์ได้รับความเสียหายร้ายแรงถึงขั้นที่ว่าต้องใช้เวลาเป็นปีๆเพื่อฟื้นฟูก็เป็นได้ บรรดานักการตลาดที่ว่องไวและเฉียบแหลมในอดีตถูกแทนที่ด้วยฮิปสเตอร์ที่ทั้งมีความชำนาญ จินตนาการ เเละความละเอียดอ่อนในการ Blend In กลยุทธ์ทางการตลาดระหว่างออฟไลน์ และออนไลน์โดยการใช้ AI และ Soft Skill รวมกันได้อย่างลงตัวเเละพอเหมาะ
เเล้วงานในอนาคตของนักการตลาดจะมีเหลืออยู่ไหม ?
ความกังวลเกี่ยวกับงานในอนาคตของนักการตลาดนั้น ค่อนข้างเกินจากความเป็นจริงไปสักเล็กน้อย เพราะถึงเเม้เทคโนโลยีจะสามาถเข้ามามีบทบาทแทนทรัพยากรบุคคลได้บางส่วน แต่สิ่งเหล่านี้มันจะไม่เกิดกับในสายงานการตลาดอย่างแน่นอนทั้งนี้ก็เพราะว่ารายงานล่าสุดจาก Cognizant ได้ระบุตำแหน่งงานใหม่ 21 ตำแหน่งที่จะเกิดขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้าและกลายเป็นรากฐานสำคัญของการตลาดเเละมาเเทนที่ตำเเหน่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน นี่คือหกตัวอย่างของตำเเหน่งใหม่ๆ เเละลักษณะการทำงานในอนาคต
6 อาชีพใหม่ ในอนาคตที่จะเกิดขึ้นใหม่ในสายการตลาด
1. ผู้จัดการด้านอารมณ์ (Mood and Empathy Manager)
คุณรู้หรือไม่ว่าลูกค้ารู้สึกอย่างไรกับ บริษัท ของคุณ? คุณช่วยสร้างความรู้สึกที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจเข้ามามีส่วนร่วมกับ Campaign การตลาดของคุณได้หรือไม่? ความสามารถในการ build อารมณ์และสร้างความเข้าใจเเละเห็นใจของลูกค้าต่อเเบรนด์อย่างถูกต้องเป็นมิติที่ขาดไม่ได้
2. ผู้ทดสอบระบบประสาท A/B (Neuro A/B tester)
เป็นงานสำรวจและสัมภาษณ์แบบกลุ่มเพื่อเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพนั้นจะค่อยๆ หมดไป เเบรนด์จะหันไปใช้การเก็บข้อมูลคลื่นสมองของลูกค้าเมื่อพบเจอโฆษณาหรือสินค้าเป็นครั้งเเรกเนื่องมาจากเป็นข้อมูลที่เเม่นยำ มี error ที่ต่ำเเถมยัง real time อีกด้วย ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปเพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดและการสื่อสารต่าง ๆที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจและนึกถึงแบรนด์ของบริษัทให้เกิดความต้องการซื้อในตัวสินค้าและบริการ
3. นักวิเคราะห์ความรู้สึกที่ 6 (Sixth sense analyst)
ผู้ตรวจสอบแนวโน้มทางการตลาดอาจมีความสามารถในการมองเห็นพฤติกรรมและโอกาสทางการตลาดที่เริ่มก่อตัวขึ้น แต่ในอนาคตนั้น งานนี้จะถูกทำให้ advance ไปอีกขั้นหนึ่งโดยจะสามารถคาดการณ์แนวโน้มต่างๆ ก่อนที่มันจะเกิดขึ้นซะอีก เเละนี้เเหละคืองานของนักวิเคราะห์ความรู้สึกที่หก บทบาทนี้ต้องการการแปลงข้อมูลข่าวกรองพยากรณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เป็นข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าที่สามารถดำเนินการได้ช่วยในการแจ้งการพัฒนาแนวโน้มของผลิตภัณฑ์และบริการ
4. ผู้กำหนดจุดมุ่งหมายขององค์กร (Purpose planner)
ทุกคนต่างรู้ดีว่าในโลกปัจจุบันที่แสนจะยุ่งเหยิง การกำหนดจุดประสงค์ขององค์กรหรือจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากภายใต้สภาวะตลาดที่มีการแข่งขันสูง การนำทรัพยากรไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้นอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะสิ่งที่ธุรกิจควรจะให้ความสำคัญมากที่สุด คือการนำทรัพยากรไปใช้ให้ถูกวัตถุประสงค์ เพื่อเกื้อหนุนภาพลักษณ์และตัวตนของแบรนด์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
5. หัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์หุ่นยนต์ (Head of bot creative)
ในยุคที่ผู้บริโภคต้องการการตอบสนองอย่างทันท้วงที ธุรกิจจึงจำเป็นจะต้องนำหุ่นยนต์อัจฉริยะ (AI bot) เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและลูกค้า (customer relationship) แต่อย่างไรก็ดีหุ่นยนต์เหล่านี้จำเป็นจะต้องให้บริการที่สมจริง เป็นมิตร และแม่นยำที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ผิดพลาด หรือให้ความรู้สึกในเชิงลบ
6. นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data ethnographers)
นักวิเคราะห์ข้อมูลใช้ตัวเลขเพื่อบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ พวกเขารู้วิธีการอ่านข้อมูลและดึงข้อมูลเชิงลึกของมนุษย์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจเเละแนวคิดใหม่ๆ เพื่อเปิดเผยโอกาสทางการตลาดและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน บทบาทนี้จะทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคดิจิทัลเนื่องจากข้อมูลของลูกค้าที่เเบรนด์เก็บรวบรวมไว้ได้จากจุดสัมผัสออนไลน์และออฟไลน์รวมถึง IoT อุปกรณ์สวมใส่และอุปกรณ์พกพาต่างๆนั้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างทวีคูณ
ฉะนั้น รากฐานของนักการตลาดที่จะประสบความสำเร็จนั้น คือความคิดที่ว่องไวที่จะต้องควบคู่ไปกับความสามารถในการปรับให้เข้ากับความต้องการเเละพฤติกรรมของผู้บริโภคที่สามารถเปลี่ยนด้วยความเร็วแปรปรวน ด้วยการทดลองกับเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อทดสอบและค้นหาสิ่งที่กระตุ้นให้ลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์บางอย่าง ผู้ทำการตลาดที่ดีสามารถติดตามเส้นทางการซื้อในขณะที่เพิ่มประสิทธิภาพของลูกค้าและประสบการณ์ของแบรนด์ได้อีกด้วย
“วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า จะได้มาต้องเริ่มที่วันนี้”
“A better tomorrow starts today”