การทำการตลาดคือการสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อให้ลูกค้าได้รู้จัก เกิดความสนใจ ไปจนถึงขั้นตอนของการเลือกซื้อสินค้าได้สำเร็จ ทั้งนี้กลยุทธ์ที่เราจะใช้เปลี่ยนใจลูกค้าให้มาสนใจ ก็จะขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละธุรกิจว่าจะมีการจัดการด้วยวิธีการอย่างไร ซึ่งเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเลยก็คือ การทำ Content Marketing ซึ่งจะไม่ได้เป็นเพียงแค่การทำในเรื่องของสร้าง Content เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงเรื่องของการวางแผน Marketing Funnels เพื่อให้รูปแบบการทำ Content ออกมาสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
1.เข้าใจการวางแผน Funnel
ในการวางแผน Funnels สำหรับการทำ Content เราอาจจะมองเป็นแบบเดียวกับการทำในรูปแบบของ Marketing Funnels 5 ขั้นตอน Awareness > Consideration > Conversion ได้เช่นเดียวกัน แต่ในตอนนี้เราจะพามาดูกันในอีกมุมมองหนึ่ง ที่จะแบ่งเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่มีด้วยกัน 3 level คือ
- TOFU (Top of the funnel)
- MOFU (Middle of the funnel)
- BOFU (Bottom of the funnel)
ซึ่งในแต่ละกลุ่มก็จะมีความสำคัญแตกต่างกันออกไป ดังนี้
1.1 Top of Funnel (ขั้นการรับรู้ – Awareness)
Top of Funnel (ToFu) หรือส่วนปากกรวย คือ ช่วงที่ผู้คนหรือกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์เข้ามารู้จักแบรนด์ อาจจะผ่านการเสิร์ชบน Google, ผ่านโฆษณาบน Social Media
หากเทียบกับ Framework อื่น ในขั้นตอนนี้ คือ ช่วงที่กลุ่มเป้าหมายเกิด “การรับรู้” หรือ “Awareness” ทั้งรู้ว่าตัวเองมีปัญหาหรือกำลังมีความต้องการ และรับรู้ว่ามีแบรนด์นี้ๆ หรือ Solution นี้ๆ อยู่บนโลกที่น่าจะตอบโจทย์พวกเขาได้
Case Example: ยกตัวอย่างเช่น A รับรู้ว่าตัวเองมีอาการปวดหลัง เลยเสิร์ชหาวิธีแก้ปวดหลังใน Google
1.2 Middle of Funnel (ขั้นตอนการพิจารณา – Consideration)
Middle of Funnel (MoFu) หรือส่วนกลางกรวย คือ ช่วงต่อมาหลังจากที่ผู้คนหรือกลุ่มเป้าหมาย “รับรู้” ปัญหาหือทราบว่ามี Solution ซึ่งอาจจะเป็นสินค้าหรือบริการของแบรนด์แล้ว และขณะนี้ พวกเขากำลังพิจารณาอยู่ว่าจะเลือกทางแก้ปัญหาทางไหน
Case Example: A เจอบทความบทความและวิดีโอมากมายที่บอกวิธีแก้อาการปวดหลัง ทั้งการออกกำลังกาย การเล่นโยคะ ท่าบริหารร่างกายระหว่างวัน ร้านนวด ฝังเข็มรักษาออฟฟิศซินโดรม เป็นต้น และ A กำลังพิจารณาว่า ทางเลือกไหนเหมาะกับตัวเอง
1.3 Bottom of Funnel (ขั้นตอนการตัดสินใจ – Decision)
Bottom of Funnel (BoFu) หรือส่วนก้นกรวย คือ ช่วงที่คนตัดสินใจได้แล้วว่า จะเลือก Solution ไหนในการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการของเขา เทียบกับ Funnel อื่นๆ ก็คือ “Decision” ซึ่งตอนนี้เขาจะกำลังหารายละเอียดของสินค้า/บริการ/ทางเลือกนั้นๆ ตลอดจนวิธีทำ
Case Example: A ตัดสินใจว่าจะไปร้านนวดก่อนเลย และเลือกแล้วว่าจะเลือกร้านที่ใกล้บ้านที่สุด ในขั้นตอนนี้ A จะหาราคาและวิธีเดินทางไปที่ร้าน
2. เราจะใช้ Funnel ในการสร้าง content อย่างไร?
หากเป็นช่วง Top of Funnel หรือ Awareness Stage สิ่งที่ธุรกิจควรทำ คือ การให้ความรู้เพื่อให้เขาตระหนักว่ามีทางเลือก Solution ทางแก้ปัญหา หรือมีสินค้า/บริการของแบรนด์อยู่ ไม่ว่าจะผ่าน Blog Post, How-to video, Infographic เป็นต้น ซึ่งมีจุดประสงค์ทำให้แบรนด์หรือสินค้าเป็นที่รู้จัก
หากเป็นช่วง Middle of Funnel หรือ Consideration ก็ควรเป็นความรู้ ข้อมูล รายละเอียด ที่ช่วยให้เขาตัดสินใจได้ว่า ควรเลือกอะไร ยังไง หรือกระตุ้นให้ตัดสินใจง่ายขึ้น เช่น Testimonial, Case Study, Demo video, FAQs page เป็นต้น มีจุดประสงค์เพื่อให้สินค้า/บริการของแบรนด์น่าเชื่อถือ อยากใช้ อยากเลือก อยากซื้อ
ถ้าเป็นช่วงก้นกรวย Bottom of Funnel หรือ Decision ก็ควรเป็นรายละเอียดหรือ Call-to-Action (สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจลงมือทำ ซึ่งอาจจะเป็นปุ่มหรือข้อความที่บอกให้ลงมือ) ที่ทำให้เขาตัดสินใจเลือกสินค้า/บริการของแบรนด์ เช่น รายละเอียดราคาหรือ Pricing Page, Free Trial, คูปอง เป็นต้น มีจุดประสงค์เพื่ออำนวยหรือกระตุ้นการตัดสินใจให้เขากลายเป็นลูกค้า
นอกจากนี้ Sales Funnel ก็เป็น Framework การตลาดที่ธุรกิจควรนำมาประยุกต์ในการทำคอนเทนต์หรือการเลือกส่งสาร Marketing Message ที่ตอบจุดประสงค์ขั้นตอนการตัดสินใจแต่ละขั้นด้วย เพื่อพูดกับ “อนาคตลูกค้า” (Prospect) ได้เหมาะเจาะ ถูกเวลา ถูกบริบท และนำทางเขาสู่การตัดสินใจหรือซื้อสินค้าในที่สุด
3. การเขียนบทความ (Content) ที่เป็นเอกลักษณ์และไม่ซ้ำใคร
ก่อนการเขียนบทความทุกครั้ง เราควรที่จะแน่ใจก่อนทุกครั้งว่าหัวข้อเรื่องที่เราจะเขียนนั้นมีความเกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของผู้อ่าน ซึ่งหลังจากที่เราทราบถึงหัวข้อเรื่องที่เราจะเขียนแล้วนั้น เราสามารถใช้ Keyword Planner ในการค้นหา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเรื่องที่เราจะเขียนว่ามีปริมาณการค้นหาเท่าไหรและมีคู่แข่งมากน้อยเพียงไหน ทุกครั้งเมื่อเราจะเริ่มเขียนบทความสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจเป็นอย่างแรกก็คือ Search Intent หรือ การเขียนเนื้อหาที่สอดคล้องกับการค้นหาของผู้ใช้ เราสามารถตรวจสอบได้ง่ายๆเพียงพิมพ์ Keyword ใน SERP เท่านั้น เราก็จะทราบว่าผู้อ่านต้องการอ่านบทความแบบไหน
หลังจากที่เรารู้ว่าบทความของเรามี Keyword และ Search Intent แล้วสิ่งที่เราต้องทำถัดมาคือ การเขียนบทความที่ไม่เหมือนใคร ไม่ซ้ำใครมาก่อน เพื่อที่แบรนด์ของคุณจะไม่มีเอกลักษณ์ โดยเนื้อหาที่เขียนในบทความนั้นควรเป็นเนื้อหาตามความจริงและเป็นบทความที่เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆเขียนขึ้นมาเพื่อที่ Google จะได้ทราบว่าบทความที่เรานั้นมีประโยชน์ต่อผู้อ่านจริงๆ การจัดวางเนื้อหาของบทความเองก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เช่นการเพิ่มรูปประกอบเนื้อหา intrographic จะสามารถดึงดูดให้คนอยากอ่านบทความของเรามากขึ้น
และสิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือ การเขียนบทความให้ถูกต้องตามหลัก SEO หรือ On-page เช่นการตั้งชื่อหัวข้อของบทความให้น่าสนใจหรือการใส่ Internal link ภายในบทความ เพื่อที่ผู้อ่านจะได้เข้าถึงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ Content มากขึ้นและนำไปสู่การซื้อสินค้า บริการในเว็บไซต์ของเรา
4.การสร้างลิงก์เพื่อ traffic และอันดับที่ดีขึ้น
การสร้าง Link Building ช่วยให้มีผู้อ่านพบ Content ของเราบน google มากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่ม traffic ให้กับเว็บไซต์มากขึ้นซึ่งนำไปสู่การซิ้อสินค้าและบริการบนเว็บไซต์มากขึ้น และสิ่งสำคัญที่สุดที่เราได้รับการจากสร้าง Link Building คือการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของเราที่เราได้รับจาก Backlinks เพราะการที่เราจะได้ Backink นั้น หมายความว่าบทความของเรานั้นมีความน่าเชื่อถือ มีประโยชน์ ทำให้ผู้ที่อ่านนั้นต้องการที่จะนำ Content ของเราไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ของเขา
การทำ PR ถือว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สามารถสร้าง Link Building ให้กับเว็บไซต์เราและยังทำให้คนรู้จักเว็บไซต์ของเรามากขึ้นอีกด้วย การทำ Link Building ผ่าน PR สามารถทำได้ด้วยตนเองแต่จะมีค่าใช้จ่ายในการนำบทความที่มี Backlink ไปลงในเว็บไซต์ โดยค่าใช้จ่ายในการลง Content นั้นขึ้นอยู่กับจำนวน traffic และความนิยมของเว็บไซต์ ยิ่งเว็บไซต์ได้รับความนิยมมากก็จะมีค่าใช้จ่ายที่แพง การทำ Link Building ผ่านการทำ PR นอกจากจะได้ Backlink ส่งกลับมายังเว็บไซต์เราแล้ว ยังทำให้แบรนด์ของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย
สรุป
สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญการในวางกลยุทธ์ของคอนเทนต์ คือ 1. เข้าใจลูกค้า 2. เข้าใจ channel
ถ้าเราสามารถเข้าใจลูกค้าได้มากเท่าไรเรายิ่งสามารถเขียนคอนเทนต์ออกมาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้นโดยการประยุกต์ใช้ funnel เข้ามาช่วยไกด์เรา บวกกับการทำ link building ที่มีประสิทธิภาพ ก็จะส่งผลต่อการเข้าถึงของบทความของเราเช่นกัน
“A better tomorrow starts today”
Line@: bit.ly/ForeToday
FB Chat: http://m.me/foretoday
“A better tomorrow starts today “
#Foretoday #digitalagency #marketing #Ecommerce #digitalmarketing #Marketing Funnel #Content