เมื่อยุคที่ Data เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ทุกคนต้องการข้อมูลมากที่สุดเพื่อที่จะรับรู้ถึงความต้องการของผู้บริโภค รู้จักพฤติกรรมการซื้อขาย การเข้าถึงแบรนด์ การมีส่วนร่วมต่อแบรนด์ เพื่อที่จะนำข้อมูลนั้นมาวิเคราะห์และหากลยุทธิ์ต่อไป จนสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้ รวมไปถึงในยุคที่ใครเร็วกว่าได้เปรียบนั้น ทำให้คนเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับ Automate software มากยิ่งขึ้น เพื่อแลกมากับความรวดเร็วในการทำงานและความถูกต้องแม่นยำ บริษัทต่างๆ เริ่มมองหาว่าจะใช้เครื่องมือไหนที่จะสามารถเติมเต็มในจุดนี้ได้ ทำให้เจอเครื่องมือที่ชื่อว่า “Supermetrics” ซึ่งเป็นเครื่องมือในการรวบรวม จัดการข้อมูล หลังจากนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเครื่องมือนี้

Supermetrics คือเครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลจาก Data Source ต่างๆ ซึ่งในเชิงของบริษัทเอเจนซี่ที่ทำการตลาดออนไลน์นั้น Data source ที่พูดถึงก็คือ Media Platform ต่างๆ ที่เอเจนซี่ได้ใช้ในการทำโฆษณานั่นเอง ในการทำโฆษณาออนไลน์นั้นมีช่องทางในการทำโฆษณามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter, Google, Tiktok เป็นต้น ซึ่งเจ้า Supermetrics มีจุดประสงค์ในการดึงข้อมูลจาก Data source ที่เราทำโฆษณาให้มารวมอยู่ในที่ๆเดียว เพื่อง่ายต่อการวิเคราะห์ข้อมูล หลังจากนั้นจึงนำข้อมูลที่วิเคราะห์ไปสร้างกลยุทธ์ให้กับริษัทต่อไป

ข้อดีหลักๆของ Supermetrics คือ

Products ของ Supermetrics

ตามจุดประสงค์หลักๆของเครื่องมือนี้ คือเป็นตัวกลางในการรวบรวมข้อมูลจาก Data Source ต่างๆ มาไว้ในที่ที่เดียว ซึ่งหลังจากที่รวบรวมมาได้แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของเราว่า เราจะนำข้อมูลนี้ไปทำอะไรต่อ ทำให้ตัว Supermetrics มีการแบ่ง Product ของเขาออกมาตามวัตถุประสงค์

ซึ่งตัว Product ต่างๆ เป็นเพียงตัวอย่างที่บริษัทเอเจนซี่ใช้เท่านั้น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Link นี้

เมื่อทำความรู้กันแบบคร่าวๆแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าเครื่องมือ Supermetic มีวิธีใช้ยังไง บอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิดแน่นอน

Step 1 

ก่อนการใช้งาน เราต้องติดตั้งตัวโปรแกรมเสียก่อนซึ่งทำได้อย่างง่ายดายจากเว็บไซด์ ติดตั้ง Supermetric 

โดยสามารถเลือกเป็น Supermetrics for Google Sheet จากนั้นกด Install เพื่อติดตั้ง

Step 2

เปิด Google Sheet > Extensions > Supermetrics > Launch

Step 3

รอจนมีหน้าต่าง pop-up ขึ้นมาที่ด้านขวา 

จากนั้นก็สามารถเลือก Quary ต่างๆตามที่ต้องการ พร้อมเลือกรายละเอียดของข้อมูลต่างๆที่ต้องการดึงได้เลย

Step 4

ใน Tap Schedule เราสามารถเลือกระยะเวลาวันและเวลาในการ Refresh ข้อมูลที่ดึงแบบอัตโนมัติ

Step 5

เมื่อเลือกรายละเอียดตามที่ต้องการเสร็จแล้ว กด Apply เพื่อให้ระบบทำการดึงข้อมูล 

เพียงเท่านี้เราก็จะได้ข้อมูลจาก source ต่างๆมาอยู่ใน Google Sheet แบบครบจบภายในไม่กี่นาที (ทั้งนี้ระยะเวลาขึ้นอยู่กับจำนวนข้อมูลที่ต้องการด้วยนะ) 

สรุป

การทำงานให้ได้ประโยชน์สูงสุดไม่ใช่เพียงแค่ทำงานอย่างหนัก แต่เป็นการทำอย่างชาญฉลาดเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด  เพราะฉะนั้นการเลือกเครื่องมือที่สามารถช่วยเราได้อย่าง Supermetrics ที่ดูจะสารพัดประโยชน์แถมขั้นตอนใช้งานไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดตามที่เห็นจากข้างบน ก็เหมือนจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสามารถตอบโจทย์การทำงานได้อย่างดี ใครยังหาทางออกกับการจัดการข้อมูลที่มีมากมายจนต้องเสียเวลาไปมากกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการล่ะก็อย่าลืมลองใช้แล้วจะลืมวิธีเก็บข้อมูลแบบเก่าแถมยังเหลือเวลาให้ทำอย่างอื่นได้อีกมากจนำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว 

ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอบเขตการทำงานของระบบก็ขึ้นอยู่กับ Package ที่เราเลือกใช้ด้วย ใครอยากได้ความสามารถแบบเต็มขั้นก็อาจจะต้องลงทุนเยอะหน่อย แต่ถ้ายังไม่แน่ใจลองเลือกใช้แบบทดลอง 14 วันก่อนได้เลย