Reach Planner คืออะไร มาเข้าใจใน 3 นาที Home / Articles / Reach Planner คืออะไร มาเข้าใจใน 3 นาที การทำการตลาดวิธีนึงที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าใจ สินค้าและบริการของเราได้มากที่สุดคงหนีไม่พ้นการทำโฆษณาในรูปแบบ VDO และแบรนด์ส่วนใหญ่มักเลือก YouTube เป็นหนึ่งช่องทางในการลงโฆษณาเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเห็นสินค้าและบริการของเรา ดังนั้น Reach Planner คือเครื่องมือหลักที่ทำให้นักการตลาดวางแผนและงบประมาณได้อย่างแม่นยำมากขึ้น วันนี้มาดูกันว่า Reach Planner ทำอะไรได้บ้าง ข้อดีข้อเสียมีอะไร เริ่ม!!! reach planner by foretoday Reach Planer คืออะไร? เอาไว้ทำอะไร Reach Planer คือเครื่องมือที่เอาไว้ใช้วางแผนการตลาดออนไลน์บน YouTube โดยตัวเครื่องมือจะบอกในเรื่องของ ปริมาณกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงแนะนำการแบ่งงบในการใช้ YouTube Ad Formats แบบต่าง ๆ เกริน YouTube Ad Formats บัจจุบันที่สามารถยิงโฆษณาผ่าน Google Ads เองได้ตอนนี้ได้แก่ Per View (CPV) – Skippable in-stream, VDO DiscoveryPer 1,000 impression (CPM) – Bumper, Skippable in-stream, Outstream, and Masthead ทำไมต้องใช้ Reach Planner? เนื่องจากสายงาน Media planner ในหลาย ๆ ที่มักจะต้องดูตลาด เลือกกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะสมกับสินค้า งบประมาณ และ ตัวโฆษณา ดังนั้น Reach planner จะทำให้การวางแผลง่ายขึ้นมากเพราะเครื่องมือจะบอกค่อนข้างละเอียดดังนี้ Goals – ปัจจุบันจะมีแค่การหา Reach (ปริมาณ users ที่โฆษณาสามารถเข้าถึงได้)Channels – จะมี YouTube และ YouTube + TVLocation – การเลือกประเทศ และ Currency (YouTube + TV จะมีแค่ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น)Demographics – เลือกได้แค่ อายุ และ เพศAudiences – เป็นการเลือกกลุ่มเป้าหมายตามวิธีของ Google บางส่วนได้แก่ Affinity, In-market, Life event, และ Custom audiences.Date – เป็นการกำหนดระยะเวลาที่ใช้ลงโฆษณาAd Preferances – ประเภทของโฆษณาที่ลงได้ หรือที่เขียนก่อนหน้านี้คือ YouTube Ad Formats Reach Planner สิ่งที่นักการตลาดได้จาก Reach Planner คือปริมาณของกลุ่มเป้าหมาย และงบประมาณที่เหมาะสมของแต่ละ Ad Formats ดังรูป ซึ่งเราจะเห็นขนาดของกลุ่มเป้าหมาย การลงงบประมาณ ผลลัพธ์จากสิ่งที่เราเลือก และสามารถปรับแต่งที่หลังได้อีก เป็นเครื่องมือที่ดีมาก ๆ ข้อเสียของ Reach Planner ต้องใช้ผ่าน Media Agency เท่านั้น (แต่ ForeToday รับดูแลให้ฟรี!!!)ยังใช้ได้แค่บน YouTube เท่านั้นยังไม่ขายไปพวก Google Display Networkกลุ่มเป้าหมายที่เลือกได้ยังขาดพวก Contextual Targetingตอนรันจริงยังมี Range ของการคลาดเคลื่อนอยู่ สำหรับความรู้ที่ต้องการอัพเดทในวันนี้ก็มีเท่านี้นะครับ ฝากไลค์ ฝากแชร์ และเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ และพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ ใครอ่านมาถึงตรงนี้หากมีตรงไหนที่สงสัยก็สามารถติดต่อมาได้เลยนะครับ “วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า จะได้มาต้องเริ่มที่วันนี้” “A better tomorrow starts today” [email protected]: bit.ly/ForeToday FB Chat: http://m.me/foretoday “A better tomorrow starts today “ #Foretoday #digitalagency #marketing #Ecommerce Previous Next
Marketing Tips การวัดผลการตลาดออนไลน์ ด้วย Matrics ที่ไม่ใช่ The Matrix Chakrit Choopreeda|27 ก.พ. 2023